เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานหมอเส็งสำนักงานใหญ่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” พร้อมด้วยส่วนเกี่ยวข้องประกอบด้วย นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอัยการอาวุโส สํานักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ หม่อมหลวงสกุล มาลากุล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และเป็นคณะกรรมการวิสามัญพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานกรรมการบริษัท หมอเส็งไทยแลนด์ จำกัด ร่วมแถลงทุกประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น หลังจากทนายอนันต์ชัย นำทนายกองทัพธรรม ไปแจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นมหาเถรสมาคม หมิ่นพระชั้นผู้ใหญ่ และทุกประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยมีลูกศิษย์อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานกรรมการบริษัท หมอเส็งไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นกระแสไวรัลที่อยู่ในโซเชียลเยอะมาก และเมื่อเข้าไปในโซเชียลก็เกิดการสับสนกลัวจะเกิดการแตกแยกและอาจจะเกิดการเข้าใจผิดในแง่กฎหมายและข้อเท็จจริง อยากให้ทุกคนเข้าใจเหมือนกันในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ในเรื่องเดียวกัน ทุกอย่างตรงกับความจริงก็จะนำเสนอข่าวได้ถูกต้อง ตอนนี้อาจารย์เป็นเพียงฆราวาสคนสอนธรรม ถูกดำเนินคดีอยู่หลายข้อหา เช่น ข้อหาแรกนำความเท็จเข้าสู่ พ.ร.บ.คอมพิมเตอร์ หมิ่นประมาท และข้อหาดูหมิ่นคณะสงฆ์

ทางด้าน อ.เบียร์ กล่าวว่า กรณีที่มีคลิปวิดีโอที่แชร์กันอยู่ในโลกโซเซียล เกิดจากที่อาจารย์ไลฟ์สดสอนธรรมะอยู่ทุกวัน ซึ่งคลิปต้นเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคลิปที่เป็นประเด็นในขณะนี้ เป็นคลิปที่ไปขุดขึ้นมาแชร์ย้อนหลัง เพื่อให้เป็นประเด็นสังคมในปัจจุบัน อย่างกรณีที่มีการไปพูดว่าตัวเองไปกล่าวอ้างพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ความเป็นจริงตนเองไม่ได้พาดพิงถึงสถาบัน แต่เจตนาเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา ส่วนที่มีคลิปอาจารย์ไปพูดว่ามีแบ๊กใหญ่ แบ๊กดีนั้น คำว่าแบ๊กใหญ่ในช่วงต้นคลิป ตัวเองก็พูดชัดเจนแล้วว่าแบ๊กเราคือ “พระพุทธเจ้า”

โดยในคลิปก็จะมีคำว่าแบ๊กเราคือพระพุทธเจ้า ไม่มีใครใหญ่เกินพระพุทธเจ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นนายพล นายกรัฐมนตรี หรือว่าสถาบัน ซึ่งเป็นการพูดยกตัวอย่าง โดยในพระไตรปิฎกก็มีการพูดถึงบริบทนี้ว่าพระองค์ทรงอยู่เหนือ และพุทธบริษัทสี่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ดังนั้นพระพุทธเจ้าจะอยู่ในฐานะสูงสุดในโลกธาตุ แต่ในบริบทที่อาจารย์เบียร์พูดถึง ไม่ได้ไปพาดพิงถึงสถาบันหรือกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่เราพูดถึงบริบทที่พระองค์ ของการที่พระองค์ทรงบันลือสีหนาทไว้ว่า พระองค์ทรงอยู่เหนือโลก พระองค์ทรงสอนให้ทุกคนพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยืนยันว่าสิ่งที่สอนในวันนั้น คือกำลังพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงสถาบันแต่อย่างใด

อาจารย์เบียร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับคลิปวิดีโอที่มีการตัดคลิปออกไปนั้น มีเจตนาจาบจ้วงสถาบัน โดยการดึงสถาบันมาใส่ร้ายป้ายสีอาจารย์เองหรือไม่ เพราะมีการตัดเนื้อหาของพระพุทธเจ้าออกให้เหลือแค่เนื้อหาที่อาจารย์พูดว่ามีแบ๊กใหญ่เหนือกว่าสถาบันทั้งหมด จนทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด จนนำไปสู่การฟ้องร้องเอาผิดตัวเอง ม.112 ซึ่งเป็นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตัวเองไม่มีเจตนาในการพาดพิงถึงสถาบัน แต่คนที่ตัดคลิปมีเจตนาอะไร มีเจตนาพาดพิงถึงสถาบันเองหรือไม่ ซึ่งคลิปนี้ ตัวเองพยายามอธิบายอยู่ตลอดเวลา

คลิปที่สองมีการพูดถึงมหาเถรสมาคม อาจารย์เบียร์บอกว่ามีบริบทนั้น มันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมช่วงเวลานั้น ส่วนตัวพูดถึงพระอาจารย์รูปหนึ่ง ที่กำลังมีการตรวจสอบไต่สวนในเรื่องของการสอนธรรมมะที่ไม่ถูกต้อง 100% พูดไม่ตรงกับพระไตรปิฎก เชื่อถือไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีบางประเด็นที่ขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งมันก็เป็นหนึ่งในความเห็น มหาเถรสมาคมจึงเรียกพระสงฆ์รูปดังกล่าวไปตรวจสอบ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในสังคม ตัวเองในฐานะฆราวาสผู้สอนธรรมะ ตัวเองจึงวิพากษ์วิจารณ์ว่าในกรณีนี้ มหาเถรสมาคมบางส่วน มีการตัดสินใจตามธรรมตามวินัย ก็ถูกต้องดีแล้ว ควรแก่การรักษาไว้ แต่สำหรับบุคคลที่ทำตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่ควรจัดการ ตัวเองก็ตำหนิไปตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสังคมทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาชี้โทษว่าใครถูกใครผิด รวมถึงไม่ได้มีการไปพูดถึงสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมีการไปปั่นกระแสว่าตัวเองไปจาบจ้วงถึงสมเด็จพระสังฆราช

ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้มีการถวายเงินให้กับคณะสงฆ์ตามวัดที่ตนเองนับถือศรัทธา ไม่ว่าจะเป็นวัดป่าวัดเขา โดยบริจาคเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท จะมาบอกว่าตนล่มจมต่อศาสนาได้อย่างไร รวมถึงการสวดมนต์ข้ามปีที่ผ่านมา ตนมีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยมีประชาชนเข้าร่วม 4,000 กว่าคน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระสังฆราช

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้หากพิสูจน์แล้วว่าอาจารย์เบียร์เองไม่มีความผิด จะมีการฟ้องกลับกับคนที่แจ้งความหรือไม่ อาจารย์เบียร์ ระบุว่า ในส่วนของตนเองไม่ได้คิดว่าจะต้องฟ้องกลับ แต่ในส่วนของคนอื่นหรือทีมงานที่เกี่ยวข้อง ก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขาให้เขาตัดสินใจกันเอง

ด้าน นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ประธานบริษัท หมอเส็ง (ไทยแลนนด์) กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องประเด็นข้อกฎหมายจะมีการรวบรวมคลิปส่งให้กับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ให้ตรวจสอบดูว่ามีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ และหากตรวจสอบว่าคลิปดังกล่าวเป็นคลิปปลอมหรือถูกตัดต่อ คนที่เข้าไปแจ้งความก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แต่หากเจ้าหน้าที่มีข้อสงสัยในส่วนของการกระทำของอาจารย์เบียร์ ทางอาจารย์เบียร์และคณะ ก็พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่า การที่พูดในลักษณะทำนองนี้เป็นเหมือนการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ ยืนยันว่า เรื่องการฟ้องร้อง ไม่ใช่การข่มขู่ ส่วนรายละเอียดในการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไรนั้น จะมีการแถลงข่าวภายหลัง ซึ่งตอนนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน รวมถึงรายชื่อคนที่จะถูกดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในอาทิตย์หน้า