จากกรณีเกิดเหตุสุดสลด หลังคนร้ายลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 2 นาย คือ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 56 ปี และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูกและเป็นครูตำรวจตระเวนชายแดน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีกหลายนาย ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียบุคลากรอันทรงคุณค่า ผู้กล้าที่เสียสละเพื่อการศึกษาของเด็กๆ
-สดุดีตำรวจกล้า! โจรใต้ลอบวางระเบิดรถยนต์ ‘พ.ต.ท.-ด.ต.’ สองพ่อลูกครูตชด.พลีชีพ 2 นาย

สำหรับ “พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์” ในช่วงวัยเด็ก เติบโตมาในโรงเรียน ตชด. ในพื้นที่สีแดงของจังหวัดพัทลุง ได้เห็นความยากลำบากของครูที่ทุ่มเทเพื่อให้เด็กๆ ได้รับโอกาสทางการศึกษา ทำให้ “พ.ต.ท.สุวิทย์ หรือครูวิทย์” ของเด็กๆ และชาวบ้าน ตัดสินใจทิ้งชีวิตโลดโผนในวัยหนุ่ม มุ่งหน้าเข้ามายังชุมชนกลางป่าที่แทบไม่มีใครรู้ภาษาไทย เพื่อสร้างอนาคตทางการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า

“ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กว่าสักวันจะเป็นครู อยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดาร จึงเข้ามาเป็นครูโดยได้สิทธิสอบบรรจุครูคุรุทายาท เมื่อได้จึงเลือกที่จะทำงานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาส ที่ใครๆ ก็ไม่อยากมา แต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำงานสนองงานพระราชดำริของทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่”

แรกเริ่มเดิมที “ครูวิทย์” ได้เริ่มสอนที่โรงเรียนบ้านละโอ แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรค เนื่องจากในตำบลคีรีบรรพตไม่มีโรงเรียน “คนในชุมชนเขามองว่าเรียนไปแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร เรียนแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตเดิมๆ ถางป่า ทำสวน ทำไร่ กลับไปในหมู่บ้านก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทย เรียนไปก็เสียเวลา” แต่ด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจในการเข้าถึงชุมชน ทำให้เด็กนักเรียนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากหลักสิบเริ่มเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อย

แต่ “ครูวิทย์” ก็ยังไม่หยุดการทำงานกับชุมชน หลายโครงการต้องควักเงินเดือนของตัวเองมาทำอย่าง “รับขวัญน้อง” ที่ร่วมกับภรรยาซื้อของไปเยี่ยมเด็กแรกเกิดในชุมชน หรือการจัดทริปพา “แม่บ้าน” ในชุมชนออกไปเปิดโลกทรรศน์ภายนอกด้วยการพาไปเที่ยวบ้านที่พัทลุง ที่นอกจากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้องให้เกิดขึ้นระหว่างคนในชุมชนกับครูวิทย์แล้วทำให้เกิดการยอมรับสังคมภายนอก

นอกจากทำงานอย่างเข้าถึงและเข้าใจชุมชนอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนาการศึกษาก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งที่ “ครูวิทย์” ให้ความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน โดยเฉพาะปัญหาการอ่านออกเขียนได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ เพราะ “ถ้าเด็กไม่รู้ภาษาไทย วิชาอื่นๆ นี่ไม่ต้องถาม คณิตศาสตร์ สุขศึกษา สังคม วิทยาศาสตร์ ถ้าอ่านไม่ได้ ตีความหมายไม่ได้ก็จบ ป.1 ไม่ต้องเรียนวิชาอื่นๆ เอาภาษาไทยให้ได้ก่อน แต่ทีนี้ทำอย่างไรไม่ให้เด็กเบื่อ” จนนำไปสู่เทคนิคการเรียนรู้ภาษาไทยผ่าน “บัตรคำ” ใช้กระดาษเปล่าแผ่นเล็กๆ คล้องคอเด็กๆ กลับไปที่บ้านเพื่อฝึกเขียนคำศัพท์ มีการสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลต่างๆ ยิ่งเด็กคนไหนให้พ่อและแม่เขียนชื่อกำกับมาด้วยก็จะยิ่งได้คะแนนเพิ่ม

จากบัตรคำได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาอีกขั้นสู่ “ธนาคารคุณธรรม” โดยให้เด็กๆ เขียนเล่าเรื่องถึงความดีที่ตัวเองได้ทำมาในแต่ละวันที่บ้าน ที่ช่วยทำให้เด็กฝึกความคิด คิดถึงในสิ่งที่ดี และยังได้ฝึกเขียนภาษาไทย ด้วยการเขียนถึงความดี ที่ทำให้ครอบครัวและผู้ปกครองได้เรียนรู้ภาษาไทยไปพร้อมๆ กับลูกหลานของตัวเอง

นอกจากนี้ยังได้พัฒนาพื้นที่โดยรอบของโรงเรียนให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิด เลี้ยงไก่ เป็ด ปลาดุก เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาใช้ในโครงการอาหารกลางวันให้กับเด็ก มีการเพาะพันธุ์พืชผักต่างๆ สำหรับแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ทำให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกด้วย

และด้วยความมุ่งมั่นนี้เอง ส่งผลให้ “พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์” ครูใหญ่ของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอ ช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ได้รับการเสนอชื่อเป็นครูผู้สมควรได้รับพระราชทาน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” และผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลในระดับ “ครูยิ่งคุณ” ประจำปี 2558 ของ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และ กระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังเคยได้รับ “รางวัลผู้ปิดทองหลังพระ” ในปี 2560 อีกด้วย

ไม่ใช่มีแต่เพียงความดีและตั้งมั่นขอ “พ.ต.ท.สุวิทย์” ที่จะทำเพื่อสังคมเท่านั้น แต่แสงเทียนเล่มน้อยที่หวังทำเพื่อพัฒนาการศึกษาของเด็กๆ ยังถูกต่อยอด ส่งต่อแสงสว่างส่องทางในถิ่นทุรกันดารเพิ่มขึ้นอีก 2 เล่มนั้นก็คือ “ลูกชาย” ทั้ง 2 คน คือ ที่ปัจจุบันเป็น “คุรุทายาท” สมัครใจทำงานเป็น ครู ตชด. เพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาเช่นเดียวกับ “พ่อ” ผู้เป็นต้นแบบ

แต่แล้ววันนี้ คงไม่มีแสงเทียนทั้งสองเล่ม ที่ส่องสว่างเพื่อชุมชนและเด็กๆ ในพื้นที่ทุรกันดารอีกต่อไปอีกแล้ว.. “เดลินิวส์” ขอสดุดีความทุ่มเทและเสียสละความสุขส่วนตัวกว่า 20 ปี เสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา เพื่อพัฒนาเป็นคนเก่งและเป็นคนดี… พ.ต.ท.สุวิทย์ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ 2 พ่อลูกครู ตชด. ผู้กล้า ผู้เสียสละเพื่อผู้อื่น…

ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี และ แฟนตำรวจของไทย “แฟนนายสิบทุกรุ่น”