กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มอบหมายให้ ผอ.กองกฎหมาย ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคลิปเสียงเทวดา ในคดีดิไอคอน กรุ๊ป ที่พาดพิงหน่วยงานของรัฐหลายหน่วย ซึ่งหมายความรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

งานเข้า! DSI แจ้งความหมิ่น ‘เอก สายไหม-พวก’ ปมกล่าวอ้าง ‘เทวดาดีเอสไอ’

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้เชิญนายอำนวยชัย โฆษิตพานิชยกุล ผอ.กองกฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าให้ปากคำและยื่นเอกสารกรณีได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีอาญากับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 328

กระทั่งช่วงเวลา 13.00 น. ทางตัวแทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้ามาให้ข้อมูลแก่ ร.ต.ท.ชัยอนันต์ ไชยบุตร รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อขอให้มีการดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กับพวก ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้มีการนำเอาภาพข่าวที่ปรากฏตามหน้าสื่อโทรทัศน์มามอบให้พนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจรอให้ทางดีเอสไอทำการถอดเทปการให้สัมภาษณ์ของบุคคลดังกล่าวมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามีใครบ้าง วันนี้จึงถือว่าเป็นการให้ถ้อยคำเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจจะยังไม่มีการเรียกนายเอกภพ เข้าให้ปากคำแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่า เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีอาญากับนายเอกภพ และพวก ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา จึงทำให้ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญให้เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเข้าให้การเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว ตามที่มีการร้องทุกข์ไว้ ส่วนการให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ตามกฎหมายแล้วทางพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ตั้งคำถามเพื่อพิสูจน์องค์ประกอบของการกระทำความผิดว่ามีการกระทำความผิดตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ และมีพยานหลักฐานอะไรที่จะมาสนับสนุนคำร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนจะมีการตั้งประเด็นคำถามเปิดเพื่อให้ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษได้อธิบายชี้แจง

นอกจากนี้ทางดีเอสไอ จะได้มีการเตรียมเอกสารและพยานหลักฐานอื่น อาทิ คลิปวิดีโอ เป็นต้น เพื่อประกอบคำให้การว่าบุคคลดังกล่าวได้มีการพูดจริงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่ดีเอสไอมอบให้ไปพิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่าการร้องทุกข์กล่าวโทษของดีเอสไอไม่ได้เป็นการฟ้องปิดปากแต่อย่างใด เนื่องด้วยดีเอสไอก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพิสูจน์ทราบว่าประเด็นดังกล่าวไม่มีมูลความจริงตามที่มีการกล่าวพาดพิง

รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุด้วยว่า ในเชิงกฎหมาย หากดูองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยหลักแล้วจะตรงกันข้ามกับการติชมโดยสุจริต เพราะการติชมโดยสุจริต คือ การพูดด้วยข้อเท็จจริง หรือข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีหลักฐานรองรับในการพูดนั้น ๆ แต่ถ้าเป็นการพูดที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่จะประกอบการพูด และยังเป็นการพูดที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก็อาจจะไม่ใช่การติชมโดยสุจริต จึงอาจเข้าองค์ประกอบฐานหมิ่นประมาทได้