“รังแค” มีลักษณะเป็นขุยหรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ พบได้บริเวณโคนผม เส้นผม หรืออาจร่วงลงมาบริเวณบ่าและไหล่ ถือเป็นหนึ่งปัญหาที่ทำให้หลายๆคนเสียความมั่นใจ เสียบุคลิกภาพ แถมยังทำให้เกิดอาการคันหนังศีรษะ หากปล่อยไว้ให้รังแคเรื้อรัง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะของเราได้
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยรังแคเกิดจากการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดของหนังศีรษะ โดยปกติ เซลล์ผิวหนังจะแบ่งตัวจากเซลล์ผิวหนังชั้นล่าง และค่อยๆ เคลื่อนไปยังชั้นบนจนถึงชั้นบนสุดแล้วค่อย ๆ ผลัดหลุดไป เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งวงจรนี้ในคนปกติใช้เวลาประมาณ 28 วัน แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหารังแค วงจรดังกล่าวจะเกิดเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้มีการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังปริมาณมากจนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นแผ่นสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ
รังแคอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการคันหนังศีรษะร่วมด้วย ยิ่งเกาจะทำให้สะเก็ดหลุดลอกมากขึ้น โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เป็นรังแคหนังศีรษะจะดูปกติ แต่หากพบรังแคร่วมกับมีการอักเสบของหนังศีรษะ อาจเป็นอาการแสดงของโรคผิวหนังบางโรค ได้แก่ โรคผิวหนังอักเสบ Seborrheic Dermatitis ซึ่งนอกจากพบมีผื่นแดง และมีสะเก็ดลอกบริเวณหนังศีรษะแล้ว ยังสามารถพบผื่นบริเวณข้างจมูก คิ้ว, หลังหูได้ด้วย

การแพ้สารเคมีที่สัมผัสหนังศีรษะ เช่น แพ้น้ำยาย้อมผม ก็สามารถทำให้เกิดอักเสบของหนังศีรษะได้
นอกจากนี้ โรคผิวหนังอีกโรคหนึ่งที่มีสะเก็ดหลุดลอกบริเวณหนังศีรษะ คือ โรคสะเก็ดเงิน ซึ่งการหลุดลอกของสะเก็ดบนหนังศีรษะจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจะพบมีรอยโรคที่หนังศีรษะและบริเวณอื่นๆของร่างกาย อาทิ ลำตัว แขนขา ข้อศอก หัวเข่า ร่วมกับมีความผิดปกติของเล็บมือเล็บเท้า และอาจมีข้ออักเสบร่วมด้วย
สาเหตุของการเกิดรังแค
แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากเชื้อราที่อาศัยอยู่บริเวณรูขุมขนของหนังศีรษะ ชื่อ Malassezia โดยผู้ป่วยที่มีปัญหารังแค จะมีเชื้อราชนิดนี้มากกว่าคนปกติ การรักษารังแคส่วนหนึ่งจึงมุ่งเน้นการลดจำนวนของเชื้อราชนิดนี้
วิธีการรักษาและป้องกันรังแค
1. เลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่น เนื่องจากน้ำอุ่นจะทำให้หนังศีรษะแห้ง และลอกเป็นขุยได้
2. เลี่ยงการเกาแรงๆ หรือใช้หวีซี่คมหวีบริเวณหนังศีรษะ

3. ใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของตัวยาที่สามารถลดจำนวนเชื้อราบนศีรษะ ได้แก่ คีโตโคนาโซล ซิงค์ไพรีไทออน ซิลิเนียม ซัลไฟด์
แต่หากมีสะเก็ดหนา และใช้ยาสระผมข้างต้นไม่ทุเลา ให้เปลี่ยนมาใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน (Tar) จะช่วยลดสะเก็ดได้ดี แต่มีข้อเสียคือ กลิ่นค่อนข้างแรง และอาจทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ซึ่งมีวิธีแก้ไข คือให้ใช้ครีมนวดตามหลังการสระผม
ผู้ที่เป็นรังแค ควรใช้ยาสระผมเหล่านี้เป็นประจำ โดยช่วงแรกควรสระผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
หลังจากรังแคลดลงแล้วสามารถลดเหลือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งที่สระผมควรทิ้งเวลาประมาณ 5-10 นาทีก่อนล้างออก
4. หากกรณีมีหนังศีรษะอักเสบร่วมด้วย การใช้ยาทากลุ่มคอติโคสเตอรอยด์ชนิดน้ำ หรือครีมน้ำนมทาบริเวณหนังศีรษะจะลดอาการแดงอักเสบลงได้ โดยหลังจากสระผมให้ใช้หวีแสกผมออก จากนั้นหยอดยาลงบนบริเวณที่มีการแดงอักเสบของหนังศีรษะ ใช้นิ้วเกลี่ยและคลึงเบาๆ โดยทายาวันละ 1-2 ครั้ง การอักเสบของหนังศีรษะจะลดลง