เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 68 นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยนายกำธร เวหน รอง ผวจ.ระยอง นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม ปลัดจังหวัดระยอง นายทัศนเดชา บุญสนธิ์ ป้องกันจังหวัดระยอง ร.ต.อ.สุรเดช มณีพิทักษ์ หัวหน้าชุดเก็บกู้ระเบิด (หน่วยอีโอดี) ภ.จว.ระยอง นายไกรยุทธ วิลาวัลย์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ นายอนุรักษ์ สกุลพิทักษ์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ฝ่ายปกครองจังหวัดระยอง นายปิยวัฒน์ วัชรเมฆินทร์ เจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ ชุดเฉพาะกิจปกครองจังหวัดระยอง ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายความมั่นคงจังหวัดระยอง จนท.กองร้อย อส.จังหวัดระยอง

ร่วมกันจับกุมนายโต้ อายุ 17 ปี ชาวเลย นายเบนซ์ อายุ 31 ปี ชาวระยอง พร้อมด้วยของกลาง ปืนไทยประดิษฐ์ ชนิดปืนยาว 2 กระบอก ลูกปืนจักรยาน 9 นัด แก๊ปปืน 7 นัด อาวุธมีดดาบยาว 2 ด้าม ระเบิดไทยประดิษฐ์ 2 ลูก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน ขนาด .22 จำนวน 6 นัด เครื่องกระสุน ขนาด .22 แม็กนั่ม จำนวน 1 นัด อาวุธปืนโม่ .38 จำนวน 1 กระบอก เครื่องช็อตไฟฟ้า 1 เครื่อง
นายทัศนเดชา บุญสนธิ์ ป้องกันจังหวัดระยอง กล่าวว่า จากนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้กวดขันจับกุมยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล แหล่งอบายมุขสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ และได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง ว่าที่บริเวณหน้าร้านขายน้ำกระท่อม จะมีกลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุมและก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันอยู่เป็นประจำ จึงได้นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกองร้อย อส.จังหวัดระยอง และเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.จ.ระยอง) นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด 7 คน กำลังมั่วสุมอยู่ภายในร้าน

เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว เช่น อาวุธปืน ระเบิดไทยประดิษฐ์ อาวุธมีดต่างๆ ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นของนายโต้ และนายเบนซ์ ทั้งสองรับว่าอาวุธดังกล่าวเตรียมไว้ถล่มคู่อริ โดยได้โทรฯ นัดเพื่อนอีก 5 คน มาร่วมด้วย แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ก่อนที่จะก่อเหตุยกพวกถล่มกัน และได้นำไปตรวจหาสารเสพติดพบว่าทั้ง 2 มีฉี่สีม่วง ส่วนนายโต้ ยังรับอีกว่า ได้เคยประกอบระเบิดมาแล้วกว่า 50 ลูก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสอง ในข้อหา มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียน (ปืนเถื่อน) และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยโป่ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอีก 5 คน เจ้าหน้าที่จะทำประวัติและประสานผู้ปกครองมารับกลับต่อไป