ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดนักร้องดัง แสตมป์ อภิวัชร์ ออกมาเล่าเหตุการณ์สุดตกใจว่าตนเองและภรรยาสาว ถูกคุกคามจากคน 2 คน และได้หายหน้าไปจัดการเรื่องฟ้องร้องคนดังกล่าว ซึ่งตอนนี้พร้อมเล่าแล้วเพราะอีกฝ่ายไม่จบยังคงทำการคุกคามเหมือนเดิม แถมพ่อของฝ่ายหญิงยังมียศเป็นถึงนายพล พร้อมข่มขู่แสตมป์จะมีการยัดคดีให้ด้วย ท่ามกลางกระแสชาวเน็ตที่ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและวิจารณ์กันอย่างมากมาย

ทั้งนี้ ในตอนแรก หลังจากหนุ่มแสตมป์ออกมาเล่าเรื่องราวดังกล่าวไป ต้องบอกเลยว่า แฮชแท็ก #แสตมป์อภิวัชร์ ในโลกออนไลน์อย่าง X ร้อนแรงหนักมาก เพราะมีคนออกมาติดแฮชแท็กและพูดคุยประเด็นนี้อย่างร้อนแรง ขณะเดียวกันกองทัพบกเองก็มีการเคลื่อนไหวแจ้งว่าถ้านายพลคนนี้ทำจริงจะถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งทำเอาสังคมหันมาสนใจเรื่องนี้ ทั้งในมุมของผู้มีอิทธิพล ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด มาข่มขู่ประชาชน รวมถึงประเด็นการคุกคามศิลปินที่เรียกง่ายๆว่าคือ “ซาแซง” อย่างที่ศิลปินหลายๆคนเจอมา

โดยถ้าพูดถึงจุดนี้ จะพบว่า สังคม “สนใจ” และ “เห็นใจ” แสตมป์และภรรยาหนักมากที่เจอเรื่องราวสุดฝันร้ายในครั้งนี้ จึงทำให้เขาได้ใจประชาชนไปเต็มๆ แต่แล้วในช่วงเย็นวันเดียวกัน เรื่องราวก็ถึงขั้นที่เรียกว่า พีคในพีค หรือภาษาสั้นๆว่า “หนังคนละม้วน”จนได้ เพราะสุดหักเหมันเกิดขึ้นในตอนที่วงดนตรีดังอย่างวง Tilly Birds ออกมาโพสต์จดหมายชี้แจง ยอมรับอย่างจริงจังว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้คือ Sound Engineer ของวงตัวเอง ซึ่งสาวในข่าวก็คือแฟนของซาวด์เอ็นจีเนียร์คนนี้ โดยบอกด้วยว่ารู้เรื่องราวมาตั้งแต่ปี 66 แต่เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลเลยให้ไปเคลียร์กัน

จนแสตมป์ออกมาขอร้องเพราะเจอในงานๆหนึ่งว่าไม่ให้แฟนของซาวด์เอ็นจีเนียร์คนนี้มางานๆหนึ่งได้ไหม แต่วง Tilly Birds ก็มองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวคดีความทำให้ไม่ได้ทำตามคำขอแสตมป์ และยังคงมีดราม่าต่อไป ซึ่งวงย้ำด้วยนะว่าไม่สนับสนุนการคุกคาม จริงๆถ้าจบที่ตรงนี้เรื่องก็ว่าดูทางหนุ่มแสตมป์อาจจะ 50-50 ที่คนจะเลือกเชื่อว่าจริงหรือไม่จริงแล้ว

งานนี้หลายคนในโลกออนไลน์จึงพากันสอบถามว่าแล้ว “ทางออก” หรือผลลัพธ์ ถ้าสังคมหรือชาวเน็ตเลือกที่จะไม่เชื่อแสตมป์ แล้วเชื่อหลักฐานที่แฟนหนุ่มของคู่กรณีแสตมป์ออกมาโพสต์ล่าสุด โดยเป็นหมายศาลและการพิจารณาคดีก่อนจะลบไป แต่ชาวเน็ตแคปได้ทันนั้น แสตมป์จะเกิดผลลัพธ์อะไรบ้างมาดูกันสั้นๆ 3 ข้อ

1.ถ้าสังคมเชื่อคู่กรณีแสตมป์ว่าแสตมป์คุกคามจริงแบบที่ออกมาพูดกันอย่างหนังคนละม้วน แสตมป์จะต้องถูกสังคมตราหน้าเรื่องการโกหกหลอกลวงประชาชน และแน่นอนกระทบต่อการทำงานในวงการบันเทิงของเขาอย่างมาก เผลอๆต้องถอยทัพยอมแพ้และออกจากวงการไปในที่สุด

2.ถ้าสังคมเชื่อคู่กรณีแสตมป์ว่าแสตมป์คุกคามจริงแบบที่ออกมาพูดกันอย่างหนังคนละม้วน แสตมป์จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายในหลายๆข้อหา ที่มีการออกมาพูดเรื่องนี้ แม้ไม่ได้บ่งบอกว่าคือใคร แต่เมื่อมีการออกมาเปิดสองฝั่งผลกระทบย่อมเกิดกับอีกฝ่าย ทำให้แสตมป์อาจจะเจอคดีนี้และร่วมถึงคดีเก่าที่อาจจะถูกรื้อขึ้นมาทำใหม่ก็ได้

3.ถ้าสังคมเชื่อคู่กรณีแสตมป์ว่าแสตมป์คุกคามจริงแบบที่ออกมาพูดกันอย่างหนังคนละม้วน แสตมป์จะต้องถูกกลุ่มคนที่สนับสนุนอีกฝ่ายต่อว่าไม่จบสิ้น ความสงบสุขในชีวิตเขาจะไม่มี มันจะกลายเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนเขาไปตลอด แม้เขาจะออกจากวงการหรือไม่ แต่คนกลุ่มนี้ก็พร้อมจะยกเรื่องราวของเขาขึ้นมาต่อว่าจนทำให้เขาเสียสุขภาพจิตและขวัญเสีย รวมถึงภรรยาของเขาเองก็ย่อมถูกกลุ่มคนดังกล่าวแอนตี้ต่อไปนั่นเอง

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็น 3 ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าหากคู่กรณีของหนุ่มแสตมป์พูดความจริงแล้วแสตมป์ออกมาเล่าเพียงครึ่งหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ในเมื่อเรื่องราวมันคนละมุม คนละด้าน ประหนึ่งขาวและดำ ก็ไม่แปลกถ้าผลลัพธ์เบื้องต้นที่แสตมป์จะเจอจะเป็นดังที่กล่าวไป ซึ่งยังไงก็ยังไม่รู้แน่แท้ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบไหนแต่ที่รู้ๆ เรื่องนี้ต้องเรียกว่า

“วงการบันเทิงไม่ได้พักของแทร่”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก stampapiwat