เมื่อวันที่ 20 ม.ค. เวลา 14.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางต่อมาที่ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อปราศรัยเป็นเวทีสุดท้าย ส่งท้ายทัวร์อีสาน 4 จังหวัด โดยได้เดินทักทายพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ตั้งแต่ท้ายเวทีจนถึงหน้าเวที โดยนายทักษิณ กล่าวปราศรัยว่า 20 ปีที่ไม่ได้มา อ.พยัคฆภูมิพิสัย เชื่อว่าเราต่างคนต่างคิดถึงกัน เห็นต้อนรับอย่างนี้ตนก็มีความสุข ภูมิใจมีความสุขพี่น้องไม่ลืมตน ตนจากบ้านไปตั้งหลายปีก็ไม่เคยลืม ทำให้ตนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ตนต้องมาช่วยแก้ปัญหาให้พี่น้องที่ลำบากอยู่ เรื่องยาบ้าเราพูดแบบภาษาลูกทุ่ง อย่าไปกลัวมันถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็กระทืบมัน
นายทักษิณ กล่าวว่า มีเศรษฐีชาวอเมริกันพูดเอาไว้ว่าถ้าเราเกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ถ้าเราตายจนเป็นความผิดของเรา แต่ถ้าเราไม่อยากตายแล้วยังต้องตายจนเป็นความผิดของรัฐบาล แสดงว่ารัฐบาลสร้างโอกาสให้ท่านหายจนได้ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องมีหน้าที่สร้างโอกาสให้คนไทยหายจนให้ได้ วันนี้ตนเห็นใจคนไทย มีแต่หนี้ พอจะเสนอไอเดียต่างๆ ก็จะมีคนค้าน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเรายินดีรับฟัง แต่บางทีมันค้านแบบหัวชนฝาก็ต้องอธิบายต้องตอบโต้ให้เขาเข้าใจบ้าง สำคัญคือมีขาประจำ อยากด่าอะไร หายใจก็ผิด เข้าส้วมยังผิดเลย ไม่เป็นไร ไม่สนใจ คนที่ไม่เข้าใจและค้านนั้น เราต้องอธิบายให้เขาฟัง เรายินดีอธิบายให้เขาฟังทุกเรื่อง เพราะวันนี้ประเทศอยู่กับเรื่องเก่าๆ มันไม่ได้ เพราะโลกมันทำมาหากินแบบใหม่ไปแล้ว ถ้าอยู่กับเรื่องเก่าๆ เราก็เป็นทาสของโลก ทำงานแทบตายเหนื่อยแทบตายได้ตังค์มานิดเดียว ต่างประเทศทำขยับมานิดเดียวได้มาเป็นพันล้าน หมื่นล้าน

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลมีหนี้เยอะ ตั้งแต่ตนเป็นนายกฯ มาจนถึงวันนี้ก็ 20 กว่าปี ประเทศไทยมีงบประมาณสมดุลที่แปลว่ารายได้ กำไร รายจ่าย เท่ากันมาสองปีในสมัยตนเท่านั้น สมัยอื่นขาดดุลทุกปี ที่ผ่านมาขาดดุลจนหนี้ประเทศท่วม วันนี้รัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์เข้ามา จะทำอะไรต้องระวังเพราะหนี้เต็มเพดาน ต้องหาวิธีคิดสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด คือการได้เงินลงทุนจากต่างประเทศ มาสร้างงานให้ประชาชนได้มากที่สุด เพื่อเอาเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า งานในวันข้างหน้าจะเยอะมาก ตนก็เลยอยากขอมือขอไม้ ขอกำลังใจ เพราะจะต้องทำงานร่วมกับท้องถิ่น ถ้าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยเราสั่งได้ พูดได้จี้งานได้ จึงขอให้ช่วยเลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทยด้วย ทำไมตนต้องมาที่นี่เป็นพิเศษเพราะพ่อของผู้สมัครตอนตั้งพรรคใหม่ๆ มาลุยเขาเป็นคนขับรถพาลุย อยู่ๆ เขาถูกยิงตาย ตนจึงมีความรู้สึกว่าจะต้องดูแลครอบครัวของกำนันตง โจ้ (ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร) ก็มาอยู่กับตนได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว พี่น้องพยัคฆภูมิพิสัย ขี้เหนียวคะแนนไปนิดนึงเลยสอบตก คราวนี้ขออย่าขี้เหนียวนะ ขอให้ทักษิณก็แล้วกันนะ ตอนนี้พี่ชายคนโตของผู้สมัครฯ ก็เป็นที่ปรึกษานายกฯ เขาไปพลาดครั้งที่แล้วนิดหน่อย ส่วนน้องชายก็ขอเป็นนายกอบจ. จะได้เชื่อมโยงกับพี่น้อง มาเป็นมือไม้ของตน
“พี่น้องครับอยากให้ผมกลับมาพยัคฆภูมิอีกไหม กลับมาแล้วเนี่ยถ้าผู้สมัครได้เป็นนายกอบจ. ผมกลับมาเท่เลย แต่ถ้าผู้สมัครไม่ได้เป็นนายกอบจ. ทำไงล่ะ ต้องคุมปี๊บไหม พี่น้องจะยอมให้ผมคุมปี๊บหรือ ไม่ยอมก็ขอให้เลือกเบอร์ผู้สมัครนะ ยังไงก็ถือว่าเราเป็นหุ้นส่วนพัฒนาประเทศด้วยกัน ให้ประเทศเจริญไปด้วยกัน เราเป็นหุ้นส่วนที่จะทำให้คนไทยอยู่ดีกินดีขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นทีมเดียวกัน ว่าไงว่าตามกัน” นายทักษิณ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายทักษิณกล่าวปราศรัยอยู่นั้น ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อสีแดงขว้างของขึ้นไปบนเวที จนการ์ดและมวลชนในบริเวณนั้นต้องเข้าระงับสถานการณ์ และพาตัวผู้หญิงคนดังกล่าวออกไปจากเวที ทำให้นายทักษิณ ระบุว่า ไม่เป็นไร คนไทยต้องให้อภัยกัน บางทีคนเราก็เก็บกด ไม่มีปัญหา
“ใจเย็นๆ พี่น้อง คนเราบางทีมีปัญหาหนี้สินมั้ง บางทีมีปัญหาครอบครัวบ้าง บางทีมีปัญหาทางจิตบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เราคนไทยด้วยกันให้อภัย พร้อมที่จะดูแลกันและกัน ไม่เป็นไร ผมอายุมากๆ เกิน 70 ปีไปแล้ว มีคาถาประจำใจ ผมเดินไปไหน คาถาบอกว่า “เย็นไว้โยม เย็นอย่างเดียว เย็นไว้โยม” ใจเย็นๆ ผมโดนลอบฆ่ามา 4 หน ก็เฉยๆ ถึงเวลาก็ไปตามเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ไปตามเวลา ผมโดนลอบฆ่าตอนเป็นนายกฯ 4 หน คนถามว่าผมใส่พระอะไร ผมบอกหลวงพ่อหนังวัดโกยแน่บ เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ขอบคุณพี่น้องที่อุตส่าห์มาร้อนๆ ก็ยังอยู่กันเหนียวแน่น แล้วมาเจอกันใหม่ วันที่ผู้สมัครฯ เป็นนายก อบจ. พี่น้องที่อุตส่าห์มาร้อนๆ ก็ยังอยู่กันเหนียวแน่น เราขอโทษแทนคนเมื่อกี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่เป็นไร ช่างมัน เสียบรรยากาศไปนิดหน่อยแต่ขอโทษแทนแล้วกัน” นายทักษิณ กล่าว
จากนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นายทักษิณ หลังลงจากเวทีปราศรัย ว่า เมื่อสักครู่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่นายทักษิณไม่ได้ตอบคำถาม โดยได้หันไปทักทายกับประชาชน และขึ้นรถออกไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่การ์ดของนายทักษิณ เข้าระงับเหตุการณ์ผู้หญิงที่ขว้างสิ่งของขึ้นบนเวทีนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย มารับผู้หญิงคนดังกล่าว พร้อมบอกว่าจะพาส่งกลับบ้าน แต่ผู้สื่อข่าวตามไปถามหญิงคนก่อเหตุ ได้คำตอบว่า ชื่อว่าอ้วน มาจาก อ.วาปีปทุม ครอบครัวตนแตกสลาย พินาศ ตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เพราะตนเป็นเสื้อแดง คนที่ไม่ชอบเสื้อแดงจึงไม่มาอุดหนุนเลย เยียวยามาเลย ค้าขายไม่ดี คนเสื้อเหลืองก็ไม่มาซื้อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถามว่าเดินทางมาอย่างไร หญิงรายดังกล่าว จึงตอบว่า ไม่มีรถมา ไม่มีรถกลับ ผู้สื่อข่าวจึงถามตอบว่า รู้สึกอย่างไรถึงได้โยนของขึ้นไปบนเวที ป้าอ้วน กล่าวว่า โมโหมาก ตนไม่ได้ตั้งใจ จะทำแต่นั่งฟังแล้ว พอนึกถึงแล้วมันไม่ใช่ เพราะนานๆเขามาเหยียบบ้านเราที ต้องจัด จากนั้นตำรวจได้ปลอบใจว่าเหตุการณ์มาหลายปีแล้ว ป้าอ้วน จึงตอบกลับว่า หลายปีแต่มันไม่ดีขึ้น มานี่ 200 ก็ไม่ได้ บอกเรามาเกิน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาขึ้นรถตำรวจและบอกว่าจะเอาไปส่งที่บ้าน