สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงอนาคของติ๊กต็อกในสหรัฐ ว่าโดยส่วนตัวเขา “เปิดกว้าง” หากนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคนสนิทของผู้นำสหรัฐ ต้องการซื้อกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่า ทรัมป์มีติ๊กต็อกบนสมาร์ตโฟนของตัวเองหรือไม่ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มี” แต่ทิ้งท้ายว่า “อาจมีในอนาคต” และหากรัฐบาลวอชิงตันไม่อนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินการต่อ เท่ากับการเป็นการสูญเสีย “เม็ดเงินมหาศาล” ปัจจุบัน ติ๊กต็อกมีผู้ใช้งานมากกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐ
"With a permit it's worth like a trillion dollars."
— ABC News (@ABC) January 21, 2025
Pres. Trump said again Tuesday that TikTok is "worthless" if it's not permitted to operate by the U.S. government.
Trump said "somebody" should "buy it and give half to the United States of America." https://t.co/SDfoeLt8rh pic.twitter.com/5oUiNdsKOw
แม้ผู้นำสหรัฐลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เลื่อนการแบนติ๊กต็อกออกไปอีกอย่างน้อย 75 วัน จากที่กฎหมายซึ่งบัญญัติโดยสภาคองเกรส เมื่อปีที่แล้ว กำหนดให้ต้องมีผล เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อนาคตของติ๊กต็อกยังไม่แน่นอน เนื่องจากยังคงมีเงื่อนไขสำคัญ คือการที่บริษัทไบต์แดนซ์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่งของจีน และเป็นเจ้าของติ๊กต็อก ต้องขายกิจการในสหรัฐ
นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการใช้งานติ๊กต็อกแล้วต้องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว จะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ เนื่องจากการห้ามผู้ประกอบการเปิดให้มีการดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันสโตร์ยังคงมีผล ดังนั้น แอปเปิลและกูเกิลจึงจำเป็นต้องถอดติ๊กต็อก ออกจากแอปพลิเคชันสโตร์และเพลย์สโตร์ มิเช่นนั้นอาจต้องเสียค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 169,650 บาท) ต่อการดาวน์โหลด 1 ครั้ง
อนึ่ง ทรัมป์มีแนวคิดเกี่ยวกับ “ความเป็นเจ้าของแบบร่วมทุน” ระหว่างเจ้าของปัจจุบันกับเจ้าของใหม่ของติ๊กต็อก ซึ่งฝ่ายสหรัฐควรถือครองกรรมสิทธิ์ 50% ในกิจการร่วมค้านั้น แต่ยังไม่ได้ขยายความว่า ต้องทำอย่างไร.
เครดิตภาพ : AFP