สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงอนาคของติ๊กต็อกในสหรัฐ ว่าโดยส่วนตัวเขา “เปิดกว้าง” หากนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคนสนิทของผู้นำสหรัฐ ต้องการซื้อกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าว


เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่า ทรัมป์มีติ๊กต็อกบนสมาร์ตโฟนของตัวเองหรือไม่ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มี” แต่ทิ้งท้ายว่า “อาจมีในอนาคต” และหากรัฐบาลวอชิงตันไม่อนุญาตให้ติ๊กต็อกดำเนินการต่อ เท่ากับการเป็นการสูญเสีย “เม็ดเงินมหาศาล” ปัจจุบัน ติ๊กต็อกมีผู้ใช้งานมากกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐ


แม้ผู้นำสหรัฐลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เลื่อนการแบนติ๊กต็อกออกไปอีกอย่างน้อย 75 วัน จากที่กฎหมายซึ่งบัญญัติโดยสภาคองเกรส เมื่อปีที่แล้ว กำหนดให้ต้องมีผล เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม อนาคตของติ๊กต็อกยังไม่แน่นอน เนื่องจากยังคงมีเงื่อนไขสำคัญ คือการที่บริษัทไบต์แดนซ์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่งของจีน และเป็นเจ้าของติ๊กต็อก ต้องขายกิจการในสหรัฐ

นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการใช้งานติ๊กต็อกแล้วต้องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว จะไม่สามารถดาวน์โหลดได้ เนื่องจากการห้ามผู้ประกอบการเปิดให้มีการดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันสโตร์ยังคงมีผล ดังนั้น แอปเปิลและกูเกิลจึงจำเป็นต้องถอดติ๊กต็อก ออกจากแอปพลิเคชันสโตร์และเพลย์สโตร์ มิเช่นนั้นอาจต้องเสียค่าปรับสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 169,650 บาท) ต่อการดาวน์โหลด 1 ครั้ง


อนึ่ง ทรัมป์มีแนวคิดเกี่ยวกับ “ความเป็นเจ้าของแบบร่วมทุน” ระหว่างเจ้าของปัจจุบันกับเจ้าของใหม่ของติ๊กต็อก ซึ่งฝ่ายสหรัฐควรถือครองกรรมสิทธิ์ 50% ในกิจการร่วมค้านั้น แต่ยังไม่ได้ขยายความว่า ต้องทำอย่างไร.

เครดิตภาพ : AFP