เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่นำตัวนายเสรี ผู้ก่อเหตุขับรถไล่ชนพนักงานส่งอาหารก่อนร่างจะกระเด็นไปชนกับเสาเหล็กกล้องวงจรปิด จนเป็นเหตุให้พนักงานส่งอาหารเสียชีวิต ที่บริเวณถนนสุขุมวิท ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยประมาทฯ ไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว

เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาออกไปขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และอยากขอโทษอะไรกับญาติผู้ตายหรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุ ไม่ตอบคำถาม เดินก้มหน้ามีน้ำตาไหลออกมา ซึ่งเมื่อขึ้นไปบนรถห้องขังแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อว่า คู่กรณีได้ยั่วยุก่อนหรือไม่ และอยากพูดอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่ผู้ก่อเหตุนั่งก้มหน้าส่ายหัว และใช้มือขึ้นมาปิดที่ใบหน้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวออกไป

ด้าน พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยการฝากขังผู้ต้องหาวันนี้ พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าจะหลบหนี และจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล และไม่ให้การใดๆ เลยตลอดการสอบปากคำซึ่งมีทนายความอยู่ด้วย

เฉี่ยวชนเจรจาไม่ลงตัวซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับสลด เจอข้อหาหนัก ‘เจตนาฆ่าคนตาย’

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากพฤติการณ์พบว่าผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกันมาก่อนบริเวณใกล้แยกอโศกจนมาถึงช่วงประมาณสุขุมวิทซอย 10 ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถมาขวางรถผู้ก่อเหตุและมีการขับรถเฉี่ยว 1 รอบ และผู้เสียชีวิตทับกระจกไป 1 ครั้ง จากนั้นผู้ต้องหาออกมาจากรถ และทำร้ายไปที่ตัวผู้เสียชีวิต จากนั้นผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์หนีไป และผู้ก่อเหตุขับตามจนเกิดการเฉี่ยวชนบริเวณปากซอยสุขุมวิทซอย 8 ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่ามีการยกมือไหว้หรือไม่ แต่ผู้เสียชีวิตพยายามที่จะออกจากที่เกิดเหตุแล้วแต่ผู้ก่อเหตุยังคงขับรถติดตามมา ทั้งนี้จากการสอบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุดูแล้วเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่มีประวัติเกี่ยวการรักษาอาการป่วยใดๆ ไม่พบสารเสพติดและแอลกอฮอล์ในร่างกาย

เมื่อถามว่าครอบครัวผู้ก่อเหตุได้มีการพูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิต เรื่องการรับผิดชอบหรือไม่ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า เขายังนิ่ง ไม่พูดอะไรถึงเรื่องการรับผิดชอบ ส่วนจะไปกราบศพหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับให้ทำตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จึงอยากให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตสบายใจได้ และจากการที่ตนเองได้พูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิตในวันนี้ก็ได้ให้คำยืนยันชัดเจนว่า เรื่องของคดีความก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับการเยียวยา เพราะจะดำเนินคดีถึงที่สุดอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ ผู้เสียชีวิตเป็นกำลังหลักของครอบครัว มีลูกทั้งหมด 4 คนอยู่ในวัยเรียน 3 คน และวัยทำงาน 1 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตจะต้องหาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมด 7 คน และหลังจากนี้ก็จะต้องเป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องแบกรับภาระ ส่วนเรื่องของความเดือดร้อนของทางครอบครัวหลังจากนี้ทางตำรวจยินดีเข้าไปให้การช่วยเหลือตลอดเวลา

ด้านนางสาวสายใจ ตามบุญ อายุ 39 ปี ภรรยาของไรเดอร์ผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่โรงพักเพื่อติดต่อเอกสารขอรับศพสามี โดยนางสาวสายใจ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ตาบวม ก่อนบอกว่า วันนี้จะไปรับศพสามีที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ ก่อนนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดคลองเตยใน เบื้องต้นได้พูดคุยกับทางตำรวจ ญาติของผู้ก่อเหตุได้บอกผ่านกับทางเจ้าหน้าที่ และรับปากว่าจะรับผิดชอบค่าจัดงานศพให้ ส่วนเรื่องเยียวยายังไม่ได้พูดคุย ซึ่งเห็นว่าเย็นวันนี้ญาติฝั่งเขาจะเข้ามาขอขมาศพสามีแทนนายเสรีด้วย