สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า หลังรัฐบาลปักกิ่งให้คำมั่น ที่จะลดการปล่อยคาร์บอนสูงสุดในปี 2573 และปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2603 นั้น สำนักงานพลังงานแห่งชาติระบุในแถลงการณ์ว่า จีนได้ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นประมาณ 277 กิกะวัตต์ในปีที่แล้ว จากเดิมที่ผลิตได้เพิ่ม 217 กิกะวัตต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน จีนยังขยายการผลิตพลังงานลมอีกเกือบ 80 กิกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเกือบ 76 กิกะวัตต์ในปี 2023 โดยกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่ถูกติดตั้งแล้วทั้งหมด รวมกันอยู่ที่ประมาณ 887 กิกะวัตต์และ 521 กิกะวัตต์ ตามลำดับ
China's renewable #energy sector experienced a stellar year in 2024, with the total installed capacity of wind and solar power surpassing 1.4 billion kilowatts, further reinforcing the country's role as a global leader in renewable energy development. #QualityGrowth… pic.twitter.com/Gbvz9cVgOn
— China Daily (@ChinaDaily) January 22, 2025
เมื่อปี 2563 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ตั้งเป้าติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมอย่างน้อย 1,200 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 แต่ข้อมูลจากเอ็นอีเอเมื่อเดือน ส.ค. 2567 ชี้ให้เห็นว่า จีนบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนไว้เกือบ 6 ปี
งานวิจัยซึ่งได้รับการแพร่ เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า จีนสร้างฐานการผลิตพลังงานลมและแสงอาทิตย์ได้เกือบ 2 เท่าของประเทศอื่น ๆ หลังรัฐบาลลงทุนมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท) ในการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2554-2565 ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงวัตถุดิบราคาถูก ทุนที่พร้อมใช้งานจากธนาคารของรัฐ และกำลังคนด้านวิศวกรรมจำนวนมหาศาล
แม้จีนจะยังคงพึ่งพาถ่านหินเป็นอย่างมาก แต่ก็แสดงสัญญาณของการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากขึ้น เช่น ในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลง 83% และไม่มีโครงการผลิตเหล็กด้วยถ่านหินโครงการใดที่ได้รับการอนุมัติ.
เครดิตภาพ : AFP