เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับหนังสือร้องเรียนจาก “กลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน” เรื่องขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ปธ.กมธ.ป.ป.ช. อ้างถึงการยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2568 ให้ตรวจสอบบุคคลอ้างว่า มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล อ้างเป็นคนของผู้ใหญ่ในรัฐบาล อ้างเป็นสื่อมวลชน มีพฤติกรรมใช้ตำแหน่งที่รับแต่งตั้งจาก กมธ. ไปหาผลประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ทางการเมือง โดยวิธีการยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบ เอกชน หรือข้าราชการต่อ กมธ. และใช้กลไกของ กมธ. ให้มีมติตั้งเรื่องศึกษาตรวจสอบตามที่ร้องเรียน มีเจตนาให้บุคคล เอกชน หรือข้าราชการเกิดความเกรงกลัวว่าอาจจะถูกดำเนินคดีและหาประโยชน์โดยมิชอบนั้น


ดร.ฉลาด กล่าวต่อว่า กรณีนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายเลขาฯ กมธ.ป.ป.ช. ตรวจสอบ และส่งเรื่องให้กับ อนุกรรมาธิการ ป.ป.ช. ที่มีหน้าที่ในการพิจารณาตรวจสอบปัญหาการร้องเรียนร้องทุกข์อย่างเคร่งครัด การพิจารณานั้นจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโดยเฉพาะกรณีนี้เป็นการกล่าวหาบุคคลที่มีอักษรนำชื่อว่า ”เสี่ย ป.“ ที่ก็มีหลายคนที่มีชื่ออักษร ”ป.“ ดังนั้นจำเป็นจะต้องทำการตรวจสอบให้ชัดแจ้งเพราะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งมามีหลากหลายอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นนักกฎหมายมีความรู้ความสามารถ และสามารถที่จะช่วยพิจารณาปัญหาการร้องเรียนให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี ยืนยันการตรวจสอบไม่มีความล่าช้า เพราะปัญหาที่รอพิจารณามีอยู่มากกว่า 200 เรื่อง ที่ยังรอการพิจารณาทั้งจากบัตรสนเท่ห์ การยื่นเอกสารผ่านที่ปรึกษา ผ่าน กมธ. ผ่านเลขาฯ เป็นเรื่องสำคัญ


หลังจาก อนุกรรมาธิการ ป.ป.ช. ตรวจสอบก็จะเข้าสู่การพิจารณาโต๊ะใหญ่ ขอยืนยันว่าการร้องทุกข์ของกลุ่มธรรมาภิบาลฯ ไม่มีความล่าช้า แต่อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องส่งให้ ฝ่ายอนุกรรมาธิการฯ กลั่นกรองเป็นผู้พิจารณาขอให้สบายใจได้ และขอชื่นชม เพราะถือได้ว่ามีความตั้งใจที่จะช่วยกันทำงาน เมื่อ กมธ.ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบ หากทำอะไรไม่ดีหรือมีบุคคลที่มีพฤติกรรมทำให้เสื่อมเสีย กมธ.ป.ป.ช. พร้อมที่จะตรวจสอบเช่นกัน เพราะการทำงานเกิดขึ้นจากปัญหาการร้องเรียน ร้องทุกข์ของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและในปัจจุบันปัญหาการร้องเรียนที่กำลังตรวจสอบก็ค้างใน กมธ.ป.ป.ช. กว่า 200-300 เรื่อง

ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นในขณะนี้ ก็คือการพิจารณาโครงการของภาครัฐที่ส่อไปในทางทุจริตและกำลังดำเนินการพิจารณาในการสรุปปัญหาเพื่อส่งต่อสภา และ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการเอาผิดทุกโครงการ ที่มีเรื่องใหญ่ๆ ที่กำลังตรวจสอบเข้มข้นขณะนี้ถึง 3 เรื่อง คือ 1.ปัญหาปลูกป่าทิพย์ ที่ จ.กระบี่, 2.ปัญหารถบัสเก่าอายุ 53 ปี ที่เกิดไฟไหม้ ทำให้นักเรียนเสียชีวิต และ 3.ปัญหาการทิ้งงานก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ 545 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ที่กำลังตรวจสอบในเชิงลึกในการทำงานเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด จากเดิมจะมีการพิจารณาเฉพาะในวันพุธ แต่ได้เพิ่มการพิจารณาเป็นวันพุธและพฤหัสบดี ในทุกสัปดาห์ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็ขอให้ “กลุ่มธรรมาภิบาลฯ” ได้นำปัญหานี้ และร่วมลงไปตรวจสอบก็จะเป็นการดี กมธ.ป.ป.ช. ยืนยันการทำหน้าที่เกิดขึ้นด้วยธรรมาภิบาลและจะจบลงด้วยความยุติธรรม


ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.กมลาไสย และ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ในจุดที่อยู่ใกล้กับโครงการก่อสร้างฯ 7 ชั่วโคตร ยังคงวิตกกังวลว่าโครงการที่ถูกทิ้งงานไป กรมโยธาฯ ยังตอบไม่ชัดเกี่ยวกับการก่อสร้างใหม่ และการดำเนินการเอาผิด 2 หจก.ทิ้งงานราชการ ทั้งที่ กมธ.ป.ป.ช. ได้เรียกร้องให้ อธิบดีกรมโยธาฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผู้บริหารสัญญา ช่างควบคุมงานทั้งหมด เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยพูดถึงความบกพร่องในการบริหารสัญญาที่ปล่อยให้ ผู้รับจ้างทิ้งงานลอยนวลมาถึงทุกวันนี้ และยังรวมไปถึงความล่าช้าของ กรมบัญชีกลาง ที่ยังไม่พิจารณาประกาศผู้รับเหมาทิ้งงานราชการ จะทำให้ 2 หจก.นี้ ไปรับงานจาก กรม กระทรวงอื่นๆ ได้อีก ทั้งที่มีปัญหาทิ้งงานของโครงการใหญ่
“ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ตั้งตารอบทสรุปของกรมบัญชีกลาง ที่ว่าจะประกาศรายชื่อ 2 หจก.รับเหมาทิ้งงาน ได้ก่อนสิ้นเดือนจริงหรือไม่ นอกจากนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ทาง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. หลังทราบว่ามีกลุ่มบุคคลไปยื่นตรวจสอบการทำงาน อย่าได้หวั่นไหวกับการเข้ามาแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างแท้จริง”