สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองกาซาซิตี ฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่า หลังจากสงครามดำเนินมาเป็นเวลานาน 15 เดือน ทรัมป์กล่าวว่า ฉนวนกาซากลายเป็น “พื้นที่รื้อถอน” พร้อมกับเสริมว่า เขาได้พูดคุยกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน เกี่ยวกับการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนข้างต้น

อย่างไรก็ตาม อับบาส ซึ่งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง แสดงการปฏิเสธอย่างหนักแน่น และประณามโครงการใด ๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากฉนวนกาซา

ด้านนายบาสเซม นาอิม เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์จะขัดขวางโครงการดังกล่าว เช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยคัดค้าน “แผนการอพยพและบ้านเกิดทางเลือก” ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มปาเลสไตน์ อิสลามิก จีฮัด (พีไอเจ) ซึ่งเป็นพันธมิตรต่อสู้เคียงข้างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ประณามความคิดของทรัมป์ว่า “น่ารังเกียจ”

สำหรับชาวปาเลสไตน์ ความพยายามใด ๆ ในการย้ายพวกเขาออกจากฉนวนกาซา จะทำให้นึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายของการอพยพครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ ระหว่างการสถาปนารัฐอิสราเอล เมื่อปี 2491

อนึ่ง นายเบซาเลล สโมทริช รมว.คลังอิสราเอล ซึ่งคัดค้านข้อตกลงสงบศึก และสนับสนุนให้อิสราเอลตั้งถิ่นฐานใหม่ในฉนวนกาซา กล่าวว่า ข้อเสนอของทรัมป์เป็น “ความคิดที่ยอดเยี่ยม”

กระนั้น สันนิบาตอาหรับระบุในแถลงการณ์ ปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว โดยเตือนว่า ความพยายามในการถอนรากถอนโคน ขับไล่ และบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขา สามารถเรียกได้ว่าเป็น “การกวาดล้างชาติพันธุ์”.

เครดิตภาพ : AFP