ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยระบุตอนหนึ่งว่า ต้องปรับกระทรวงศึกษาธิการกันครั้งใหญ่ เพราะใหญ่เกินไป จนมีปัญหาห่วงที่สุดคือการศึกษาเด็กไทย ระบบการศึกษาเราทำให้เด็กพัฒนาตัวเองในเรื่องของความคิดได้น้อย ก็คงต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยนั้น
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. กล่าวว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่มีความห่วงใย ศธ. ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่นายทักษิณ พูดไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาที่เป็นมานานแล้วตั้งแต่สมัยนายทักษิณยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ และได้ผ่านการแก้ปัญหามาหลายยุคหลายสมัย โดยตนคิดว่าคนที่แก้ไขปัญหาเรื่องระบบการศึกษาต่างๆ ได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม คือ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เพราะหากนายทักษิณยังไม่มั่นใจ ก็ให้ไปสอบถามครูเอาเอง ไม่ว่าจะเป็นการที่ครูไม่ต้องมาอยู่เวร การที่ครูได้ยื่นขอย้ายโดยไม่ต้องวิ่งเต้น ซึ่งแน่นอนว่าปัญหายังไม่หมด และต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดจากภาระด้านงบประมาณ ทั้งนี้เราไม่จำเป็นจะต้องมานั่งจ้างครูใหม่ แต่สิ่งที่ควรทำคือ การเพิ่มทักษะความรู้ชุดใหม่ให้แก่ครู และเรากำลังเฝ้ารอว่าเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ประกอบการเรียนการสอนของครูและนักเรียน ในภาคเรียนที่ 1 ในปี 2568 จะช่วยเปลี่ยนแปลงการศึกษาได้ในระดับไหน ดังนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูด จึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นการจ้างครูต่างชาติจากการเรียกเก็บเงินภาษีพนันออนไลน์ได้นั้น ตนคิดว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เงื่อนไข เพราะการจ้างครูต้องทำตามความจำเป็นแต่การพัฒนาศักยภาพครูคือหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำ และการเก็บภาษีออนไลน์หรือการทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ไม่ได้เป็นการสร้างเงื่อนไขว่าทำพนันออนไลน์ถูกระบบไม่ได้แล้วจะไม่มีเงินมาจ้างครู ซึ่งถือว่าเป็นคนละเรื่อง ทั้งนี้การทำงานของ ศธ. อาจใหญ่เกินไป ปัญหานี้รัฐบาลเคยทำมาแล้วด้วยการปรับโครงสร้าง ศธ. โดยการแยกงานวัฒนธรรม ศาสนา และกรมพลศึกษา ออกไปจาก ศธ. และทุกวันนี้ เรื่องการกีฬากับการศึกษาเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นว่า การแก้ปัญหาในตอนนั้นคิดไม่สุดทาง มองแค่ว่าโครงสร้าง ศธ. ใหญ่แล้วตัดแยกออก แต่ไม่ได้คิดว่าเมื่อโครงสร้างใหญ่ จะทำให้หน่วยงานแน่นขึ้นได้อย่างไร
“อย่าว่าแต่การทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ การทำงานข้ามกระทรวงไม่ว่าพรรคไหนกำกับดูแล ต่อให้พรรคเดียวกันกำกับดูแลการทำงานข้ามกระทรวงก็ยังยาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องแก้ปัญหาคือ จะทำอย่างไรการทำงานในองค์กรจะบูรณการให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ผมคิดว่าสิ่งที่นายทักษิณ ปราศรัยถึง ศธ. อาจเป็นเทคนิคในการหาเสียง ไม่ได้มีนัยทางการเมืองเพื่อจะขอโควตาเก้าอี้รมว.ศึกษาธิการ และวันนี้ปัญหาการศึกษาที่นายทักษิณพูด จะแก้ได้อย่างง่ายมากก็คือ การที่ ศธ. ของบประมาณไปแล้วไม่ตัดสัก 3 ปีจะเห็นการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาที่สำเร็จ เพราะที่ผ่านมา ศธ. ถูกตัดงบการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนอย่างแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์จนเหลือศูนย์บาท อีกทั้งรายจ่ายงบบุคลากรกว่า 80% จนทำให้ไม่มีงบประมาณมาพัฒนาด้านอื่นๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ นายทักษิณก็ทราบดีอยู่แล้ว” โฆษก ศธ. กล่าว