นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากกรณี ออปโป้ และเรียลมี มีการโหลดแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อนให้ลูกค้าตั้งแต่โรงงาน กระทรวงดีอี ทั้ง สคส.และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ขยายผลเกี่ยวกับแอปเงินกู้พบว่า ในกูเกิล เพลย์สโตร์ มี 11 แอปพลิเคชันที่ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมาย จึงได้ส่งข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งผลการตรวจสอบจากแบงก์ชาติแต่อย่างใด โดยหากทาง ธปท. ยืนยันอย่างเป็นทางการกลับมาว่า 11 แอปเงินกู้ดังกล่าว ผิดกฎหมาย ทางกระทรวงดีอีจะประสานไปยังกูเกิลเพื่อให้ปิดกั้นแอปพลิเคชันดังกล่าวออกจากเพลย์สโตร์
“ทางกระทรวงดีอี และหน่วยงานในสังกัด ได้ทำงานเชิงรุก หลังจากกรณี ออปโป้ และเรียลมี เพื่อป้องกันไม่ให้มีแอปเงินกู้เถื่อนที่ผิดกฎหมายในไทย ที่เปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดได้ หรืออาจจะมีการนำมาติดตั้งลงในสมาร์ตโฟนล่วงหน้าจากโรงงานอีก เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อแอปเงินกู้ผิดกฎหมายอีก โดยจากการตรวจสอบจากแบงก์ชาติที่มีอำนาจตามกฎหมาย พบว่าเป็นแอปเงินกู้ผิดกฎหมาย ไม่ได้รับใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ก็จะประสานขอความร่วมมือจากกูเกิลปิดกั้นทันที” นายเวทางค์ กล่าว
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าผู้เสียหายกรณีถูกติดตั้งแอปเงินกู้สินเชื่อความสุขนั้น ล่าสุดมีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามายัง สคส. เพิ่มจาก 11 ราย เป็น 40 ราย โดยจะต้องนำข้อมูลนำเสนอให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ สคส. ตรวจสอบและกำหนดโทษปรับทางปกครองต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ หน้าเว็บไซต์ของ ธปท. พบว่า แอปพลิเคชันสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. อย่างถูกต้อง มีแค่ 10 รายเท่านั้น ประกอบด้วย บริษัท ซีมันนี่ (แคปปิตอล) จำกัด บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด บริษัท จีฟิน เซอร์วิสเซส (ที) จำกัด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แรบบิท แคช จำกัด