สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ว่าอดีตผู้บริหารของกูเกิลมองว่า ศักยภาพของจีนในการแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่โดยใช้ทรัพยากรน้อยกว่า สะท้อนถึงความจำเป็นที่สหรัฐต้องเร่งพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แบบโอเพนซอร์สให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ชมิดต์เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอไอและโครงการริเริ่มต่าง ๆ เช่น สตาร์เกต ของรัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบัน และกระตุ้นให้กลุ่มห้องปฏิบัติการวิจัยชั้นนำแบ่งปันแนวทางการฝึกอบรมของพวกเขาด้วย
Former Google CEO Eric Schmidt described DeepSeek's rise as "a turning point" in the global artificial intelligence (#AI) race, according to an op-ed published Tuesday in The Washington Post.https://t.co/JYgzEtO6bX
— China Daily (@ChinaDaily) January 29, 2025
ดีปซีคเป็นเอไอสัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2566 และเปิดตัวโมเดลล่าสุดอย่างดีปซีค-อาร์1 ( DeepSeek-R1 ) ในเดือนนี้ ซึ่งได้รับความสนใจล้นหลามจากทักษะการใช้เหตุผลขั้นสูง โมเดลรุ่นนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแชตบอตเอไอแถวหน้า คือ แชตจีพีที ของโอเพนเอไอ แต่ใช้ต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่ามาก
นอกจากนี้ ชมิดต์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาโอเพนซอร์ส เพื่อรับมือกับความก้าวหน้าของดีปซีค โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐส่งเสริมความร่วมมือ พัฒนาโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการแข่งขัน และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ของพลวัตการแข่งขันปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก.
ข้อมูล : XINHUA
เครดิตภาพ : AFP