เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวออกจากกลุ่มพันธมิตร Net Zero Banking Alliance (NZBA) ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารที่มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของการเงินสีเขียว และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ย้อนกลับมาก่อนว่า การเงินสีเขียวคือการปฏิบัติทางการเงินที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การให้กู้ยืมแก่ธุรกิจที่ยั่งยืน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเงินสีเขียวมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ

มีเหตุผลหลายประการที่ธนาคารในสหรัฐฯ ถอนตัวจาก NZBA ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่น่าสนใจก็คงหนีไม่พ้นจากการที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้ประกาศนโยบายที่จะยกเลิกข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยกเลิกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธนาคารในสหรัฐฯ ที่เข้าร่วม NZBA เนื่องจากพวกเขาอาจเผชิญกับแรงกดดันจากกลุ่มผลประโยชน์ที่

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์อาจส่งผลให้สถาบันการเงินต้องลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องและเสนอกฎหมายต่อต้าน ESG โดยอ้างว่านโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นการเลือกปฏิบัติและขัดขวางการดำเนินธุรกิจอย่างเสรีของอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันและถ่านหิน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยมีรัฐที่ฟ้องร้องหรือออกกฎหมายต่อต้าน ESG จำนวน 22 รัฐ ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำมองว่าอาจมีการฟ้องร้องมากขึ้นหากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในช่วงปี 2568-2572

ด้านธนาคารหลายแห่งนอกสหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาถอนตัวออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผูกพันที่เข้มงวดของกลุ่ม ในขณะที่บางแห่งอาจทำเช่นนั้นเพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันทางการเมือง และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม การถอนตัวของธนาคารเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่ออนาคตของการเงินสีเขียวโลกอย่างแน่นอน ซึ่งแนวโน้มของผลกระทบที่เป็นไปได้ อาจเกิดขึ้นด้วยกัน 3 ประการ ดังนี้

ประการแรก การถอนตัวของธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะทำให้การระดมทุนสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความท้าทายมากขึ้น ธนาคารเหล่านี้เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับโครงการเหล่านี้ และการถอนตัวของพวกเขาจะทำให้ธุรกิจและผู้ประกอบการอื่น ๆ หาเงินทุนได้ยากขึ้น

ประการที่สอง การถอนตัวของธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะส่งผลให้การลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืนลดลง ธนาคารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะให้กู้ยืมแก่ธุรกิจที่ยั่งยืน และการถอนตัวของพวกเขาจะทำให้ธุรกิจเหล่านี้หาเงินทุนได้ยากขึ้น

ประการสุดท้าย การถอนตัวของธนาคารในสหรัฐอเมริกาจะส่งผลให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมลดลง ธนาคารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และการถอนตัวของพวกเขาจะทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่ถอนตัวออกจากกลุ่ม NZBA ยังคงให้การสนับสนุนลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นเดิม แต่จะปรับปรุงกลยุทธ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของลูกค้าแต่ละราย โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ธนาคาร 6 แห่งในสหรัฐฯ ได้สนับสนุนทางการเงินสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปแล้วกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะยังคงให้การสนับสนุนต่อไป

สำหรับประเทศไทย แม้ธนาคารพาณิชย์ไทยจะไม่ได้เข้าร่วมกลุ่ม NZBA ทว่าศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังคงต้องดำเนินนโยบายตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2608 โดยประเทศไทยมีแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ให้คำมั่นไว้กับสหประชาชาติว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2608 ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2565 ธนาคารพาณิชย์เกือบทุกแห่งในไทยได้ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว และมีการดำเนินการในแนวทางที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของตนเอง เช่น การปรับเปลี่ยนแนวทางการให้สินเชื่อ และการสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าตามลักษณะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละอุตสาหกรรม

แม้ว่าการถอนตัวจากกลุ่ม Net Zero ของกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินหลายแห่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายของผู้นำประเทศ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจบริการทางการเงินทั้งธนาคาร กองทุน ประกันภัย หรือธุรกิจทางการเงินอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ หรือเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ต้องทบทวนแนวนโยบายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อเตรียมพร้อมรับนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลงไปของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์