เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ออกมาเปิดเผยผ่านเพจ หมอเจด ระบุว่า 

ไขมันพอกตับ หรือ NAFLD (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease) คือภาวะที่มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป ซึ่งคนไทยเป็นเยอะมากนะ ผมก็เคยเป็น 1 คนที่เป็น ผมเคยหนัก 110 กก. ก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มีวันหนึ่งได้ตรวจตับก็เจอว่าตัวเองเป็นไขมันพอกตับ ตอนนั้นก็เครียดนะ เพราะลูกก็ยังเล็ก แล้วไขมันพอกตับมันทำให้เกิดเรื่องของการอักเสบและทำให้ตับแข็งได้ หรือลุกลามไปเป็นมะเร็งตับได้ ซึ่งตอนนั้นเป็นระยะที่ 3 ยังสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ถ้าเจอเร็วและปรับพฤติกรรมให้ดี ผมจะมาแชร์ 5 วิธีง่าย ๆ ที่ผมทำและตับกลับมาเป็นปกติ มีอะไรบ้างมาดูกันครับ

1.ลดน้ำหนักให้เหมาะสม

การลดน้ำหนักเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันพอกตับ งานวิจัยพบว่าหากคุณลดน้ำหนักได้ 10-15% ของน้ำหนักตัว ไขมันในตับจะลดลงและอาการอักเสบก็ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนั้นผมหนัก110 กก. ควรลดลงอย่างน้อย 11-16.5 กก. และต้องลดลงอย่างน้อยเหลือ 99 กก. แต่การลดน้ำหนักต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป (0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์) และอย่าลืมออกกำลังกายให้ครบ 150 นาทีต่อสัปดาห์ด้วยนะครับ

2.ลดแป้งและน้ำตาล

ไขมันพอกตับไม่ได้เกิดจากไขมัน หรือแอลกอฮอล์อย่างเดียวนะครับ แต่การกินแป้งและน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะพวกแป้งขัดขาว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำอัดลม และขนมหวานต่างๆ ก็กระตุ้นไขมันพอกตับได้เหมือนกัน แนะนำว่าควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่ดี เช่น ข้าวกล้อง มันเทศ ควินัว และผักที่มีไฟเบอร์สูง รวมถึงควรจะลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง ก็จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดการสะสมของไขมันในตับ และช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

3.เลือกไขมันดีแทนไขมันไม่ดี

ถึงแม้คุณจะมีไขมันพอกตับ แต่ก็ยังสามารถกินไขมันได้ แต่ต้องเป็นไขมันที่ดี เช่น

•ปลาแซลมอน ทูน่า ซึ่งเป็นแหล่งของโอเมก้า-3

•น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

•อะโวคาโด

•ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ไขมันทรานส์ ไขมันจากอาหารทอด และน้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชัน เพราะไขมันเหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ภาวะไขมันพอกตับแย่ลง ซึ่งการกินไขมันดี ก็จะไปช่วยไล่ไขมันเลวตามที่พูดไปนะครับ

4.ลองทำ Intermittent Fasting (IF)

Intermittent Fasting (IF) คือการกินอาหารเป็นช่วงเวลา เช่น 16:8 (อดอาหาร 16 ชั่วโมง กินได้ใน 8 ชั่วโมง) ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสมในตับได้ดีขึ้น

วิธีง่ายๆ ในการเริ่ม IF คือ งดมื้อดึก และเลื่อนมื้อเช้าออกไป เช่น กินเฉพาะช่วง 1000-18:00 น. แล้วดื่มแค่น้ำเปล่า ชาเขียว หรือกาแฟดำระหว่างที่อดอาหาร

5. อาหารเสริมที่อาจช่วยให้ตับดีขึ้น

ถึงการปรับพฤติกรรมจะเป็นปัจจัยหลักในการลดไขมันพอกตับ แต่ก็มีอาหารเสริมบางตัวที่อาจช่วยได้ เช่น

•โคลีน (Choline) ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันดีขึ้น

•วิตามินอี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบของตับ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะต้องใช้ในปริมาณสูง

•ซิลิมาริน (Silymarin) สารสกัดจากมิลค์ทิสเซิล ช่วยปกป้องเซลล์ตับจากสารพิษ แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. ไทยให้ใช้เป็นอาหารเสริม

อันนี้ก็เป็น 5 วิธีที่ผมใช้ ซึ่งไขมันพอกตับกลับมาปกติ และป้องกันได้ ถ้าคุณเริ่มปรับพฤติกรรมให้ดีตั้งแต่วันนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร เลือกไขมันที่ดี ลองทำ IF และถ้าจำเป็นก็เสริมด้วยวิตามินหรือสารอาหาร คนที่เป็นไขมันพอกตับไม่ต้องตกใจนะครับ แค่เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตอนนี้ ตับของคุณจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้ เพราะตับเป็นอวัยวะที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ถ้าเราดูแลและถนอมมัน ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยครับ