สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า สหภาพยุโรป ( อียู ) เป็นฝ่ายเอาเปรียบอเมริกามานาน ด้วยการเกินดุลการค้ามากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 11.8 ล้านล้านบาท )


ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า ยุโรปแทบไม่อุดหนุนสินค้าของสหรัฐ ในทางกลับกัน สหรัฐนำเข้าสินค้ามากมายจากยุโรป ดังนั้น รัฐบาลต้องทำบางอย่าง ซึ่งสิ่งนั้นคือ การตั้งกำแพงภาษี ส่วนเรื่องของกำหนดการนั้น ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า จะมีการประกาศในเวลาอันเหมาะสม


ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) ออกแถลงการณ์ว่า หากสหรัฐขึ้นภาษีอียูจริง และวิจารณ์ว่า การขึ้นภาษีคือการสร้างความรบกวนทางเศรษกิจโดยไม่จำเป็น และมีแต่จะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ทุกฝ่ายล้วนเสียหายไม่ต่างกัน แต่อียู “จะมีมาตรการตอบโต้อย่างแน่นอน” เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหภาพ


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 ในยุครัฐบาลทรัมป์สมัยแรก สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าอะลูมิเนียมและเหล็กจากอียู ขณะที่ฝ่ายยุโรปตอบโต้ด้วยมาตรการแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันได้ และมีการยกเลิกกำแพงภาษีในเวลาต่อมา.

เครดิตภาพ : AFP