เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี คนร้ายบุกชิงทอง ในร้านทองกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านคลอง 5 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งคนร้ายได้ทองรูปพรรณไปประมาณ 113 บาท หรือคิดเป็นเงินประมาณกว่า 5 ล้านบาท ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตำรวจ สภ.ลำลูกกา และตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 2ชั่วโมง
โจรฉายเดี่ยวบุกร้านทองสั่ง ‘นั่งลง’ กวาดทองกว่า 100 บาทหนีลอยนวล
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวภายหลังการประชุมว่าคดีมีความคืบหน้าไปมาก มีพยานหลักฐานที่พบเห็นและสิ่งที่เก็บรวบรวมมา มีประโยชน์มากพอสมควรที่สามารถเร่งรัดการดำเนินคดีได้ ส่วนตัวคนร้ายอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และขณะนี้มีข้อมูลมากพอที่จะดำเนินการขั้นต่อไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นออกหมายจับต้องสืบสวนให้แน่ชัดเพื่อทำการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนก่อน

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวอีกว่า ขณะที่พฤติการณ์ของคนร้าย พบว่า เข้ามาบังคับให้อยู่เฉยๆ แต่ในขณะนั้นพนักงานของร้านเกิดความเกรงกลัวในภาวะจำยอม จึงปล่อยให้คนร้ายนำทรัพย์สินไป และพนักงานเป็นผู้หญิง แค่เห็นว่ามีชายฉกรรจ์ลักษณะนี้มาแย่งชิงทรัพย์สินในร้าน เขาเห็นอยู่แล้วว่าถ้าต่อสู้และไม่จำยอมอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิต และจากภาพกล้องวงจรปิด คนร้ายไม่ได้หยิบอาวุธมาโชว์ แต่สันนิษฐานได้ว่าคนร้ายมีอาวุธอยู่ที่ตัวแต่ยังไม่ได้หยิบมาขู่
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ส่วนจะมีพนักงานร้านมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องทำการพิสูจน์ทราบ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ เบื้องต้นพบว่าคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนการก่อเหตุ และหลบหนี พบว่า คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบรุ่นและยี่ห้อให้ชัดเจน และยังอยู่ระหว่างการสืบสวน ว่าหลบหนีไปที่ใด หรือยังอยู่ในพื้นที่หรือไม่

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวอีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เร่งรัดติดตามคดีให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่ยังตอบไม่ได้ว่า จะขอหมายจับได้ภายใน 1-2 วันนี้หรือไม่ และจากการประชุมพบว่า คนร้ายจะมีความผิดในข้อหาชิงทรัพย์ฯ โดยหลังจากนี้จะมีการเชิญพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม และหลังจากออกหมายจับ จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนให้ช่วยชี้เบาะแสอีกครั้ง
“ตำรวจมีมาตรการรักษาความปลอดภัย ถือเป็นมาตรการหลักอยู่แล้ว โดยเฉพาะจุดเสี่ยง มีแผนการปฏิบัติอยู่แล้ว และครั้งนี้ เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นก็จะต้องสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้” พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวและว่า
จากการตรวจสอบพบว่า ร้านทองดังกล่าว เคยถูกก่อเหตุชิงทองมาแล้ว 6 ครั้ง ในรอบ 10 ปี หลังจากนี้จะมีการเชิญผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยหารือเพื่อปรับแนวทางในการวางแผนป้องกันต่อไป