เมื่อวันที่ 4 ก.พ. เวลา 12.00 น. ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.ปทุมธานี กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.พะเยา จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง และ จ.ตราด
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 15.9-69.1 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 7.6-34.1 มคก./ลบ.ม. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 26.1-56.7 มคก./ลบ.ม. ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 24.6-57.2 มคก./ลบ.ม. ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 15.9-31.7 มคก./ลบ.ม. กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 26.5-55.3 มคก./ลบ.ม.
ผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 5-11 ก.พ. พื้นที่ กทม.และปริมณฑล มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 6-9 ก.พ. และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ส่วน 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 6-8 ก.พ. และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 7-11 ก.พ. และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ภาคตะวันออก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 6-9 ก.พ. และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ภาคใต้ ดีอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประธาน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2568-2570) และระยะ 5 ปีต่อไป ซึ่งมีแนวคิดการพัฒนาระบบบริหารจัดการมลพิษทางอากาศแบบบูรณาการ โดยการป้องกัน ลด และควบคุมมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิด เพื่อให้บุคคล ชุมชน และประชาชนมีสิทธิในอากาศสะอาด มุ่งเน้นการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดภาคอุตสาหกรรม ภาคคมนาคม ภาคป่าไม้ ภาคเกษตรกรรม ภาคเมือง
พร้อมสร้างเครื่องมือ กลไก เทคโนโลยี กฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการจูงใจ มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ และการบังคับใช้กฎหมาย ครอบคลุมพื้นที่เมือง พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม และมลพิษข้ามแดน สอดคล้องและรองรับ พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด โดยมีเป้าหมายที่มุ่งเน้นให้ค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และพื้นที่เผาไหม้ (Burnt scar) ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและประกาศใช้ต่อไป
น.ส.ปรีญาพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมยังได้ให้ความเห็นชอบกับการปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และการกำหนดประเภทและขนาดบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสีย ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 55 และมาตรา 69 ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535.