จากกรณี น.ส.รุจิรา (สงวนนามสกุล) หรือ เอ๋ อายุ 33 ปี เสียชีวิตภายในหอพัก ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดย นายสุวรรณ (สงวนนามสกุล) ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง อ้างว่าภรรยาล้มในห้องน้ำ แต่แพทย์พบตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ ใบหน้าและดวงตาช้ำเหมือนถูกทำร้ายอย่างหนัก จึงได้ล็อกห้องฉุกเฉิน ก่อนแจ้งตำรวจจับสามีทันที ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (4 ก.พ.) แม่ของผู้เสียชีวิตรับศพ น.ส.รุจิรา กลับมาบำเพ็ญกุลที่บ้านเกิดใน จ.กำแพงเพชร แล้ว โดยญาติและครอบครัวได้จัดเตรียมงานที่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 4 บ้านพัดโบก ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เพราะทางญาติยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าสามีจะทำกับฝ่ายหญิงอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้

ด้านลุงของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนโทรศัพท์คุยกันหลานครั้งสุดท้าย ว่าปีใหม่จะกลับมาบ้าน แต่ขอรอให้โบนัสที่ทำงานออกก่อน มารู้ข่าวอีกที หลานสาวก็เสียชีวิตแล้ว เมื่อตนโทรศัพท์ไปหาหลานเขย ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รับคำตอบว่า ลงไม้ลงมือกับหลานสาวโดยตบหน้าไป 3 ครั้ง แต่จากสภาพศพที่ปรากฏว่า คือ กรามหัก คอหัก มีรอยบีบคอ ทำให้ตนรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน หลานสาวตนเป็นคนดี เป็นคนทำมาหากิน เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เป็นเสาหลักของคนในครอบครัว เรื่องทะเลาะหึงหวง เป็นผัวเมียกันก็น่าจะคุยกันดี ๆ แต่นี่คือทำร้ายจนอีกฝ่ายแน่นิ่งถึงส่ง รพ. จนความแตก ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายจะมาขอขมาศพ บอกเลยว่าไม่ต้องมา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากศพของ น.ส.รุจิรา มาถึงบ้านพักแล้ว โดยมีรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา โดย “เอ หมื่นศพ” เป็นผู้นำศพของผู้เสียชีวิตมาส่ง ก่อนเปิดเผยว่า มีผู้ที่อยู่ข้างห้องพักของผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เสียชีวิต ลักษณะเหมือนทะเลาะกัน ตนมองว่าเรื่องของผัวเมียก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การใช้ความรุนแรง ตนมองว่าไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายหญิงร้องขอชีวิตขนาดนี้แล้ว ฝ่ายชายทำไมถึงไม่หยุด ตนเห็นใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“…วันนี้นั่งรถมาตลอดทาง บางช่วงได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง จนตนต้องจอดรถข้างทาง เดินลงไปบอกว่าอดทนหน่อยนะเดี๋ยวก็จะถึงบ้านแล้ว…” เอ หมื่นศพ กล่าวก่อนเผยต่อว่า พอไปถึงบ้านนำศพลงมาจากรถ ญาติได้ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน ตนทำการแต่งหน้าให้ผู้เสียชีวิต ก่อนนำร่างเข้าโลงศพ บำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.