สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์รายงานเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาถึงกรณีของผู้โดยสารเครื่องบินของสายการบินรายหนึ่งแสดงความไม่พอใจด้วยพฤติกรรมที่น่าตกใจและน่ารังเกียจ
กลอเรีย โอมิโซเร โดยสารเครื่องบินจากบ้านเกิดของเธอที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ไปยังสนามบินนานาชาติโจโม เคนยัตตา กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568
ระหว่างที่รอเช็กอินเพื่อขึ้นเครื่องนั้นเอง โอมิโซเรก็ได้รับแจ้งว่า เอกสารสำคัญของเธอไม่ครบ โดยเธอไม่มีวีซ่าเข้าประเทศฝรั่งเศส แต่เธอได้จองเที่ยวบินที่มีการแวะพักที่กรุงปารีส ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่อังกฤษ จึงไม่สามารถเดินทางไปกับเที่ยวบินนี้ได้
หญิงสาวได้รับข้อเสนอจากสายการบินให้เปลี่ยนเส้นทางเป็นเที่ยวบินที่บินไปยังกรุงลอนดอนแทน แต่โอมิโซเรกลับแสดงท่าทางโกรธจัด เธอตะคอกใส่พนักงานที่เคาน์เตอร์เช็กอินซึ่งพยายามควบคุมอารมณ์ระหว่างที่เธอโวยวายเสียงดัง
คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ซึ่งมีการเผยแพร่ออกไปนั้น แสดงภาพการเผชิญหน้าระหว่างโอมิโซเรและพนักงานที่เคาน์เตอร์ หลังจากที่โอมิโซเรแสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้เช็กอิน เธอก็เริ่มโวยวายและเรียกร้องให้ทางสายการบินจัดหา “ผ้าอนามัย” ให้เธอ
โอมิโซเรตะโกนในคลิปวิดีโอว่า “คุณต้องเอาผ้าอนามัยมาให้ฉัน คุณจะมาเอาโทรศัพท์ฉันไปไม่ได้นะ ฉันจะไปคุยกับรมต.คลังของไนจีเรีย แล้วจะได้เห็นดีกัน”

ส่วนพนักงานสายการบินที่เริ่มไม่พอใจก็พูดเสียงดังกลับไปว่า “โทรฯ หาประธานาธิบดีไนจีเรียสิ โทรฯ เลย คุณจะได้ไม่ได้ขึ้นเครื่องของเคนยาแอร์เวย์หรอก คุณจะไม่มีวันได้ขึ้นเครื่องบินของเราอีก โทรฯ หาประธานาธิบดีของคุณสิ โทรฯ หาประธานาธิบดีไนจีเรียซะ”
พนักงานสาวที่กำลังโมโหยังพูดต่อไปว่า “เราจะไม่ให้อะไรคุณทั้งนั้น คุณจะไม่มีทางได้บินกับสายการบินของเราอีก”
โอมิโซเรยืนกรานและเรียกร้องขอผ้าอนามัยอีกครั้งและแสดงความโกรธแค้นที่ต้องเดินทางเพิ่มอีก 17 ชั่วโมง หากเธอยอมรับข้อเสนอของสายการบินและเดินทางไปยังกรุงลอนดอนแทน
ต่อมา มีการกล่าวหาว่า ขณะที่ข้อเสนอของโอมิโซเรไม่ได้รับการตอบสนอง เธอก็ดึงผ้าอนามัยใช้แล้วที่มีคราบเลือดประจำเดือนเห็นได้ชัดออกมาขว้างใส่เคาน์เตอร์เช็กอินซึ่งสุดท้ายก็ตกลงไปที่พื้น

สายการบินเคนยาแอร์เวย์ออกมาปกป้องขั้นตอนการดำเนินงานของตนและกล่าวในแถลงการณ์ว่าได้เสนอทางเลือกที่เอื้อเฟื้อให้แก่โอมิโซเร เนื่องจากเธอไม่มีวีซ่า
ด้านสายการบินเคนยาแอร์เวย์แถลงชี้แจงว่า บริษัทได้เสนอทางเลือกที่ “เอื้อเฟื้อ” แก่โอมิโซเรแล้ว เนื่องจากเธอไม่มีวีซ่าเข้ายุโรป แต่เธอปฏิเสธและเรียกร้องทางเลือกอื่นซึ่งบริษัทไม่สามารถตอบสนองให้เธอได้
ในแถลงการณ์ระบุว่า “ผู้โดยสารไม่พอใจกับทางเลือกนี้ จึงขอที่พักค้างคืน ซึ่งสายการบินเคนยาแอร์เวย์ไม่มีนโยบายจัดหาให้ในกรณีที่ผู้โดยสารถูกปฏิเสธ ไม่ให้ขึ้นเครื่องเนื่องจากไม่มีวีซ่า ผู้โดยสารมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าตนเองมีเอกสารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางหรือไม่”
“ระหว่างเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ผู้โดยสารได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมโดยนำผ้าอนามัยที่ใช้แล้วสามชิ้นโยนใส่พนักงานของเรา”
“เราขอประณามการกระทำดังกล่าว แม้ว่าเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการที่เป็นเลิศ แต่เราคาดหวังว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับความเคารพซึ่งกันและกัน”
“พนักงานของเราสมควรได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี และเราจะไม่ยอมให้มีการล่วงละเมิดใดๆ จากพนักงานหรือลูกค้าของเรา”
หลังเกิดเหตุ ไมเคิล อาคิมูกู โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนไนจีเรีย ได้จัดการประชุมร่วมกับตัวแทนสายการบินเคนยาแอร์เวย์ และตกลงส่งตัวโอมิโซเรกลับไนจีเรียในวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “ตามที่เราได้หารือกับผู้จัดการเคาน์เตอร์บริการแล้ว ผู้โดยสารคนดังกล่าวจะถูกส่งตัวกลับไนจีเรียในคืนนี้ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน”
นอกจากจะโดนส่งตัวกลับประเทศแล้ว โอมิโซเรยังต้องเสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสและแมนเชสเตอร์ รวมถึงค่าจองโรงแรมไปเปล่า ๆ อีกด้วย
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : Photo by Phil Mosley on Unsplash