ทำเอาแฟนคลับและคนบันเทิงแห่เป็นห่วงหนักมาก เมื่อนักร้องเสียงทรงพลัง “เก่ง ธชย” ที่ได้ออกมาโพสต์ภาพผ่านโซเชียลของตนเอง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพกล่องพัสดุชิ้นหนึ่ง โดยในกล่องดังกล่าวมีสิ่งของคือ ดอกไม้แห้ง, เทียนสีแดงใช้แล้ว, เหรียญโปรยทาน, เศษปูน, ผ้าพันคอ, เสื้อลายขาวดำ, เสื้อขาว มีจุดแดงแต้มหลังคอ 3 จุด , รูปพระพิฆเนศที่ตัดมาจากซองธูป และ กระดาษเขียนว่า “แทนคำขอบคุณ” ตามที่ข่าวได้เคยนำเสนอไปแล้วนั้น

ช็อกหนัก! ‘เก่ง ธชย’ เปิดกล่องพัสดุเจอของแปลก หวั่นกลัวโดนทำของใส่!

ล่าสุดเรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ จะเรียกว่าครั้งแรกเลยก็ว่าได้ สำหรับ เก่ง ธชย ที่ตัดสินใจมาเปิดเผยผ่านรายการ “คุยแซ่บShow” เพราะหลังจากเจ้าตัวออกมาโพสต์ภาพว่ามีบุคคลปริศนาส่งพัสดุ ซึ่งพอเปิดออกมามีสิ่งที่คล้ายว่าตนเองจะโดนทำของหรือเปล่า พร้อมยังเผยอีกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการโดนทำของใส่ รวมไปถึงมาอัปเดตหัวใจ หลัง พรบ.สมรสเท่าเทียมผ่าน เจ้าตัวยืนยันว่าอยากแต่งงาน ตั้งเป้าตามหาคู่แท้ 4-5 ปี แต่ถ้าไม่ได้ตามเป้า ก็ขออยู่เป็นโสดตลอดไป

เก่ง ธชย เผยว่า “ล่าสุดโดนทำของใส่คือ จริงๆ มีกล่องปริศนาส่งมาให้เรา ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาส่งไปให้อาจารย์เชียง เขียนหน้ากล่องว่าฝากให้เก่ง ธชย เขาอ้างว่าเป็นแฟนคลับเรา เราเขย่าดูแล้วว่าไม่น่าจะใช่ของกิน เราก็เลยยังไม่ได้แกะ แต่ช่วงนั้นก่อนตรุษจีน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เราก็เลยลองแกะกล่องออกมาดู ก็เป็นรูปนั้นเลย คือระหว่างที่กล่องที่อยู่กับเรานั้น เราไม่ได้สงสัยอะไรเลย แต่พอวันนี้ได้เริ่มกลับไปนึกดู ช่วงเวลาที่กล่องอยู่กับเรา ผมพูดเล่นกับผู้จัดการ พูดว่าเหมือนโดนของ ประมาณว่าเหมือนxโดนของเลย อย่างเหตุการณ์คือ บางทีเพลงที่เราต้องร้องทุกครั้ง แต่เหมือนมีเสียงอะไรมาแทรก เพราะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เราเคยมีประสบการณ์ การโดนของมาแล้ว แต่มันไม่ได้รุนแรงเท่านี้ แต่แค่รู้สึกว่าเหมือนอาการที่มันเคยโดน เพราะก่อนหน้านั้นที่โดน มันมีอารมณ์ประมาณไคล้รัก มันจะมีความอยาก เรารู้สึกว่ารักเขา หลงเขา อยากไปหา อยากมีอะไรกับเขา มันคือครั้งที่ก่อนหน้านั้นที่โดน และพอครั้งนี้ เราเปิดกล่องออกมา มันจะมีธูป มีดอกไม้แห้ง มีเทียนสีแดงใช้แล้ว มีเหรียญโปรยทาน มีเศษปูน ซึ่งนำมาจากวัดแน่นอน เพราะเศษปูนมันมีเพชร เหมือนชิ้นส่วนประติมากรรมบางอย่าง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาส่งมาเพื่ออะไร ผมก็เลยตกใจ ซึ่งมีรุ่นพี่ของผมคนหนึ่ง เขาก็เคยได้รับสิ่งแบบนี้ มีเหรียญโปรยทาน จากนั้นเขาก็เสียชีวิต ผมก็เลยคิดว่าผมโดนของหรือเปล่า ก็เลยถ่ายรูปแล้วก็โพสต์ลงตามที่ทุกคนเห็น แต่ก็ได้ขับรถไปหาอาจารย์ ซึ่งระหว่างขับรถไป ใจเราก็หวิวๆ แล้วพอไปหาอาจารย์แล้ว คืออาจารย์เขาหยิบออกมา ว่าในกล่องมีอะไรบ้าง ซึ่งนอกจากที่เราเล่าไปเมื่อกี้ ในกล่องก็ยังมีผ้าพันคอ แล้วก็มีเสื้อสีขาว ที่มีจุดแดงแต้มอยู่ (ตามรูป) ตอนแรกตกใจนึกว่าเป็นเลือด แต่มันคือหยดเทียน เราก็เลยกังวลว่า มันเป็นพิธีกรรมอะไรหรือเปล่า ที่ผิดปกติ พออาจารย์จับแล้ว อาจารย์ก็บอกว่าไม่มีอะไร คนที่ส่งมา น่าจะเป็นคนที่รักเรา ชอบเรา ให้เก่งโฟกัสความรักที่เค้าให้มา อย่าไปโฟกัสอย่างอื่น แต่ถ้าเราไม่สบายใจ ให้ไปไว้ที่ทางสามแพ่ง หรือไปทิ้งถังขยะตรงทางสามแพ่ง ก็มีข้อความว่า ‘ แทนคำขอบคุณ’ (ยิ้ม) ขอบคุณเรื่องอะไรก่อน ซึ่งหน้ากล่องพัสดุมีชื่อของผู้ส่ง มีครบทุกอย่างเลยครับ เราก็เอาชื่อที่อยู่เหล่านั้น ไปเสิร์ซหาในโซเชียล สรุปหาไม่เจอ ซึ่งวันที่เขาส่งมา มันคือวันเมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งผมคิดว่าเขาเป็นคนเอาพัสดุนี้มาส่งเอง ไม่ได้ผ่านบริการขนส่งใดๆ มันเป็นปริศนาแบบงงๆ แล้วตอนนี้ผมก็มองตามที่อาจารย์บอก ว่าเป็นการส่งมอบความรักมาให้เรา แต่ของบางอย่าง ถ้าส่งมาแบบนี้ อยากให้เห็นใจซึ่งกันและกัน เพราะเราตกใจนิดนึง แต่เขาก็คงอยากให้เราว้าวแหละ

“ถามว่าอย่างเคสก่อนหน้านี้ที่เราเคยโดนของนั้น เราคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม คือถ้าเคสก่อนหน้านี้ที่เราเคยโดนนั้น เพราะว่าเราเคยโดนมาแล้ว อย่างตอนนั้นที่โดน เราไม่รู้ตัวเลยว่าใครทำเรา ตอนนั้นที่เราโดนคือ พอหลับปุ๊บ และเราก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก หรือเวลาเราเดินทางอยู่ เราได้กลิ่นเหม็น แต่ตอนนั้นที่เราถอนของ เราจุดธูปขอท้าวเวสสุวรรณ กลางแจ้งเลย วิธีหายคือ พอเราจุดธูปปุ๊บ เราก็บอกท่านว่า ท้าวเวสสุวรรณ ท่านผู้ควบคุมภูตผี ดวงวิญญาณทั้งหมด ลูกขอพรว่า ถ้าใครคิดไม่ดีต่อลูก ขอให้ของนั้นกลับไป แต่ถ้าลูกคิดไปเอง ก็ขอไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น แล้วขอให้ลูกเห็นทันตา ใน 3 วัน 7 วันว่าใครทำ มันก็แค่วันเดียว คนที่เราสงสัย โทรมาบอกเราว่า ไม่รู้เป็นอะไร ไปหาหมอมาแล้ว อยู่ดีๆก็เป็นอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งเหมือนที่เก่งบอกไปตะกี้ว่า เก่งคิดถึงเขา เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องคิดถึงเขา ซึ่งวันที่เราโดนของ คือเรารู้เอง เรารู้สึกเองว่ามันแปลกๆ ก็ถามเพื่อนๆ ว่า ตอนนั้นเรามีพฤติกรรมแปลกๆ ไหม ว่าเก่งที่เซ้นต์ตัวเอง แม้จะแก้ของเรียบร้อยแล้ว แต่เราก็ยังมีเรื่องที่ติดอยู่ในจิตใจอยู่ ก็คือพี่หมอปลาย แกส่งข้อความมา ช่วงที่แกเห็นข่าว แต่ก่อนที่มันเป็นข่าว เขาพิมพ์ข้อความมาว่า ’มันน่าจะมีนะ‘ แล้วเขาก็เงียบไป แล้วพอมันเป็นข่าว พี่หมอปลายก็บอกว่าเอาตามอาจารย์เชียง ตามที่เรานับถือครูบาอาจารย์ แต่ไอ้ตัวเสื้อที่เป็น 3 จุด เดี๋ยวเจอกัน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้วคือก่อนหน้านี้ตอนเราเข้าวงการใหม่ๆ รุ่นพี่บอกว่าถ้าได้รับของมา ต้องให้รอดใต้ขา เมื่อก่อนก็รอดนะ แต่พอมาตอนนี้ ก็เอาเข้าปากเลย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ถ้าได้มา ก็ต้องเช็คสักหน่อย แต่อีกมุมก็ว่าเราสร้างคอนเทนต์ คือเรารู้สึกชิน โดนบ่อยจนชิน เก่งรู้สึกว่าการที่เราถูกพูดถึงในโซเชียล ในยุคปัจจุบันนี้ มองในมุมว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ว่าเขายังคิดถึงเรา แต่ถ้าเขาไม่พูดถึงเลย มันก็ดูแปลกๆ ก็ยังดีที่เขายังโฟกัสเรา ให้มองว่าอย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนพูดถึงเรา เพราะในคอมเมนต์ต่างๆ ไม่ได้จะมีแต่ในแง่ลบ ทุกคนให้กำลังใจ มาแชร์ประสบการณ์ ว่าก็เคยโดนเหมือนกัน ซึ่งถามว่าเราโดนดรามาบ่อยๆ เราเสียใจไหม มันแล้วแต่บางเรื่อง ซึ่งถ้าเป็นเรื่องงาน เราเสียใจนะ เพราะเราตั้งใจทำงาน ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เราปล่อยข้ามได้“

“ส่วนอีกหนึ่งเรื่อง ในเรื่องของทรงผมและเขี้ยว ย้อนกลับไปตอนนั้นที่ประกวด แล้วเราโชว์ ทศกัณฐ์หน้ายักษ์ ไม่รู้ตอนนั้นคิดยังไง แต่พอเราชอบ เราก็เริ่มศึกษา ก็เลยอิน ชอบคาแรกเตอร์ทศกัณฐ์ สำหรับตัวเก่ง เก่งเข้าใจว่า คนก็คงไม่ได้มองว่าเราเป็นคนดีอยู่แล้ว (หัวเราะ) ภาพเราดูเคร่งครึ้ม จัดจ้าน จริงๆแล้ว เก่งว่ายักษ์อยู่ในตัวของเราทุกๆคน มันจะชอบออกมาเวลาที่เราหิว เราโมโห แต่มันจะดีกว่าไหม ให้ปลุกยักษ์ขึ้นมาในวันที่เราท้อแท้ และทรงผมทรงนี้ ผู้จัดการของเรา เป็นคนทำผมให้ และเป็นคนเขียนหน้ายักษ์ให้เราด้วย เราชอบมากๆ เราก็เลยไปต่อเขี้ยวยักษ์ ไปพบทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในการทำเขี้ยวคือปั่นขึ้นมาใหม่ จนเป็นเขี้ยวถาวร อย่างที่ทุกคนเห็น ซึ่งผู้จัดการเป็นคนทำผมให้ ใช้เวลาปกติก็ทำครึ่งชั่วโมง แต่ถ้างานด่วนก็ 15 นาที จริงแล้วผู้จัดการ เขาไม่ได้เป็นช่างผมมาก่อน เขาเคยเป็นนักดนตรี และก่อนหน้านี้คืออยากจะสักหน้าให้เป็นรูปยักษ์ คือไปวางลายมาแล้วที่หน้า พอวางเสร็จปุ๊บ มาคุยกัน ก็รู้สึกว่า ไม่เอาดีกว่า เห็นภาพที่อยู่ในคลิป แค่วางโครง แต่ยังไม่ได้สัก แต่ตอนนี้มันทุกอย่างโอเคแล้ว เราค่อยมาถมที่ชุด”

“ย้อนกลับไปมีช่วงชีวิตหนึ่ง ที่ต้องนอนในห้องเก็บขวด มันก็คือห้องเก็บของ เป็นช่วงที่เราต้องมาสอบ มาใช้ชีวิตคนเดียว บ้านเราอยู่ต่างจังหวัด มาฝากญาติ ญาติเราทำร้านอาหาร แล้วก็ไม่มีที่ให้นอน เขาก็ถามว่านอนได้ไหม ก็อยู่เป็นอาทิตย์ เราก็แค่อาศัยนอนเพื่อที่จะไปสอบเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ ผมไม่ค่อยเล่าเรื่องนี้ เพราะผมรู้สึกว่าผมสามารถผ่านมันมาได้ คนอื่นมองอาจจะรู้สึกว่าหนัก แต่ผมรู้สึกว่าถ้าผมผ่านมาได้ ผมก็โอเค แต่ย้อนไปวันนั้น เก่งมองขึ้นไปบนเพดาน เราก็ถามตัวเองว่าเรามาทำอะไรที่นี่ แต่เราคิดว่าเรามาสอบ เราต้องทำให้ได้ ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปไม่ได้ ก็คงไม่ถึงเป้าหมายของเรา พอผ่านวันนั้นมาได้ มันทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเราเจอปัญหาต่างๆ เราสามารถผ่านมันไปได้และเคยเกือบถอดใจ โกรธดนตรีไทย เพราะทำให้เราสอบไม่ติด คือทักษะในการเล่นดนตรี ผมผ่านหมดเลย แต่ไม่ผ่านเพราะว่าตกสอบสัมภาษณ์ ตอนนั้นเรายอมรับว่าโกรธ หันหลังให้ดนตรีไทย เราใจแคบ (ยิ้ม) แค่ตอบไม่ได้กี่คำถามก็ปัดเราตก ซึ่งตอนนั้นมันเป็นอารมณ์แบบเด็กๆ จากนั้นก็เลยมานอนห้องเก็บขวด ก็เลยต้องไปสอบอีกที่หนึ่ง (หัวเราะ) จะไม่เอาดนตรีไทยแล้ว จะไปดนตรีสากล แต่พอไปสอบ ผลออกมา ติดดนตรีไทย (หัวเราะ)”

สำหรับในเรื่องของการแต่งงาน คือเก่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสมรสเท่าเทียม เพราะกฎหมายผ่านแล้ว เห็นหลายๆ คู่แต่งกัน เราก็อยากบ้าง แต่ยังไม่มี แต่มีภาพในใจ แต่ยังไม่มีคนมาแต่งด้วย ยังไม่มีคนคุย แต่ก็มีคนเข้ามาบ้าง ปัจจุบันถ้าถามเรื่องสเปค มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ซึ่ง ณ ตอนนี้ คนที่เข้ามาในชีวิตเรา เค้าต้องไปพร้อมกับเราในชีวิต แล้วไปพร้อมกับครอบครัวเรา ตั้งเป้าไว้ว่า ไม่เกิน 4-5 ปี จะแต่งงาน ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะแต่งกับใคร แต่ถ้าเกินจากนี้ไป ก็ไม่แต่งแล้ว ในกรณีไม่มีสเปค ถ้าคนจะเข้าหา ต้องเป็นแบบคนที่เข้ากับครอบครัวเราได้ เข้าใจงานเรา ซึ่งอายุสำคัญไหม ผมชอบเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็ได้ (ยิ้ม)”