เมื่อวันที่ 3 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม., พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง รอง ผบก.ปคม. และ พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม. ร่วมกันแถลงข่าวผลปฏิบัติการ ‘ยุทธการเด็ดปีกอวตาร’ หลอกเหยื่อแบล็กเมล์ โดยจับกุมนายธนกฤต เชาวรัตน์ ผู้ต้องหาหมายจับ ที่1854/2564 ลงวันที่ 1 พ.ย.64 ในข้อหา ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และ ส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, ข่มขืนใจผู้อื่นให้ ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ โดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สาม, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยจับกุมได้ภายในซอยวัดสังเวช แขวงบางลำพู เขตพระนคร

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก บก.ปคม. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเด็กและเยาวชนหลายราย ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า มีถูกคนร้ายใช้เฟซบุ๊กปลอม เป็นหญิงสาวสวยหน้าตาดี ติดต่อพูดคุยกับเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชนผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก เมื่อเหยื่อเริ่มคุ้นเคยก็จะชักชวนพูดคุยเรื่องลามกอนาจาร อาศัยโอกาสที่เหยื่อเป็นผู้เยาว์รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ส่งภาพลามกอนาจารของหญิงสาวไปแล้วชักชวนเหยื่อถ่ายภาพโป๊เปลือย โชว์ของสงวนของลับตนเองกลับมา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า หลังจากเหยื่อหลงเชื่อ ผู้ต้องหาก็จะบันทึกภาพลามกอนาจารเหยื่อ แล้วนำมาข่มขู่กรรโชกทรัพย์เหยื่อให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นจะเผยแพร่ภาพของเหยื่อในโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความเสียหายและอับอาย ทาง บก.ปคม. จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายธนกฤต จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอาญาออกหมายจับจนสามารถจับกุมได้ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการติดตามตัวนั้น ชุดสืบสวน บก.ปคม. สืบทราบว่า คนร้ายพักอาศัยที่บ้านไม่มีเลขที่ภายในซอยวัดสังเวช แขวงบางลำพู เขตพระนคร จึงนำกำลังไปสังเกตการณ์ แต่เนื่องจากในซอยคับแคบและเป็นชุมชน ทางพล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม และ พ.ต.ท.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ ช่วยราชการ ปคม. จึงได้ปลอมตัวเป็นพนักงานส่งอาหารขี่ จยย.ตระเวนตามซอยดังกล่าว โดย พล.ต.ต.วิวัฒน์ และ พ.ต.ท.ศักดิ์สุนทร ซึ่งได้ปลอมตัวสวมชุดพนักงานส่งอาหารดิลิเวอรี่ยี่ห้อดัง จนพบผู้ต้องหาขณะผู้ต้องหาเดินอยู่ในซอยดังกล่าว จึงเข้าจับกุมทันที

ด้าน พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่า คนร้ายจะใช้วิธีเลือกเหยื่อ โดยหากเหยื่อเป็นเด็กและเยาวชนจะใช้แอพพลิเคชั่น “OMI” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับหาเพื่อนของกลุ่มวัยรุ่น ส่วนเหยื่อที่เป็นผู้ใหญ่ ก็จะเลือกหาเหยื่อผ่านเว็บไซต์ www.swinging.com เป็นช่องทางในการเลือกเหยื่อ โดยจะใช้วิธีทักทายขอทำความรู้จักกับเหยื่อ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อเข้าใจว่าเป็นหญิงสาวก็จะมีการแลกเปลี่ยนส่งภาพลามกอนาจารระหว่างกัน จากนั้นคนร้ายก็จะบันทึกภาพนั้นไว้แล้วนำมาข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน มิฉะนั้นจะประจานให้อับอาย โดยให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี รายละ 15,000-2000 บาท ซึ่งขณะนี้มีเหยื่อเสียหายไม่ต่ำกว่า 3-4 ราย

นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน และทำมานานตั้งแต่ปี 2559 และถูกจับกุมฐานความผิดยักยอกทรัพย์ และกรรโชกทรัพย์ เมื่อปี 2559 โดยครั้งนั้นถูกจำคุกที่เรือนจำนครปฐม จากนั้นในเดือน พ.ค.ปี 62 ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหากรรโชกทรัพย์ และถูกคุมตัวที่เรือนจำจังหวัดราชบุรี ก่อนพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 และมาก่อเหตุอีก ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน และพี่น้องประชาชนทั่วไป ที่ได้รับความเสียหายตกเป็นเหยื่อผู้ต้องหารายนี้สามารถเข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์