เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายขึ้น ภายหลังที่ ป้าน้อง (สงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 59 ปี ชาว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุไปยัง 191 ขอให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหา “ควาย” ของชาวบ้าน ที่บุกรุกเข้ามาภายในบริเวณสวนหลังบ้าน กัดกินพืชผล และเหยียบย่ำเสียหายจนเกือบหมดสวน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ยังจุดเกิดเหตุ พบ ป้าน้อง หน้าดำคร่ำเครียด ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ พร้อมได้จับควายของคู่กรณีไว้เป็นตัวประกัน กำลังเจรจาอยู่กับ ร.ต.ต.อภิสิทธิ์ สุทธิ นายตำรวจประจำตู้ยาม เพื่อต้องการให้เจ้าของควายมารับผิดชอบ กรณีที่ปล่อยควายเพ่นพ่าน บุกรุกเข้ามาในที่ดินหลังบ้านของตนเอง ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นกล้วย ถูกกัดกิน เหยียบย่ำ จนได้รับความเสียหายตายไปจำนวน 15 ต้น

ป้าน้อง เล่าว่า ก่อนหน้านี้ สวนกล้วยเคยถูกควายเข้ามากัดกินเหยียบย่ำเสียหายมาแล้ว แต่ไม่คิดติดใจเอาความเพราะเป็นคนที่รู้จักกัน กระทั่ง 3 วันก่อนหน้านี้ สุดจะทนไหว ที่เจ้าของปล่อยควาย ให้เข้ามากัดกิน ทำลายต้นกล้วยอีก คราวนี้เสียหายหนักจนเกือบหมดสวน จึงได้นำควายผูกล่ามไว้ที่บริเวณบ้าน พร้อมประสานผู้ใหญ่บ้าน ให้เรียกฝ่ายคู่กรณีเจ้าของควาย มาเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งจะขอเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2,000 บาท เพื่อนำไปซื้อต้นกล้วยมาปลูกใหม่ แต่จนกระทั่งวันนี้ ล่วงเลยมา 3 วันแล้ว เจ้าของควายก็ไม่ปรากฏตัวมาเจรจา จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาหาข้อยุติปัญหา “ควาย” ที่เกิดขึ้น

เบื้องต้น ร.ต.ต.อภิสิทธิ์ สุทธิ ได้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับทางฝ่ายคู่กรณีเจ้าของควาย เพื่อให้เข้ามาไกล่เกลี่ยเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งฝ่ายคู่กรณีให้เหตุผลว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมา ไม่มีเวลามาคุย เนื่องจากว่าภรรยาป่วย และเดี๋ยวจะเข้ามาในวันพรุ่งนี้ เพื่อมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ร.ต.ต.อภิสิทธิ์ ยังได้พูดคุยในเรื่องข้อกฎหมายให้ฝ่ายผู้เสียหายรับทราบ ในกรณีหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ให้นำโทรศัพท์มาถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน และไปแจ้งความกับทางตำรวจ เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ไม่ใช่แก้ไขปัญหาด้วยการจับควายผู้อื่นเป็นตัวประกัน เพราะสุ่มเสี่ยงอาจเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ผู้อื่นได้ และหากทางฝ่ายคู่กรณีไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ ก็ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นตัวกลางในการหาข้อยุติในเรื่องนี้ต่อไป.