เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรีฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า เป็นไปด้วยดี โดยนายทักษิณลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน เพื่อไปรับฟังและรับรู้สภาพ ซึ่งได้พบกับผู้นำในท้องที่ ตนในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) จึงถือโอกาสลงพื้นที่ไปด้วย และมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ไปด้วยเช่นกัน 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จุดพื้นที่แรกที่ลงพื้นที่นั้นคือวัดประชุมชลธารา ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี เพื่อกราบนมัสการพระธรรมวัชรจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 และพบปะกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้นำเครือข่ายชาวไทยพุทธ เพื่อหารือถึงการพัฒนาในพื้นที่โดยเครือข่ายชาวไทยพุทธได้ระบุไว้ว่าเหลือบุคคลชาวพุทธน้อยลงไปทุกที แต่รู้สึกว่าอยากให้มีผู้ใหญ่เข้ามาเยี่ยมในพื้นที่บ้าง รวมถึงเจ้าอาวาสก็ได้ให้พร และพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงได้มีการประชุมและมีการพูดคุยกับข้าราชการ ตัวแทนชาวพุทธ ตัวแทนภาคประชาสังคม พร้อมทั้งรับฟังปัญหาที่เครือข่ายชาวไทยพุทธได้พบเจอ โดยเราจะรับฟังแต่ทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมพหุนิยมเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า จุดที่สอง เดินทางไปยังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีอดีตมุสลิมรุ่นเก่าอยู่ อีกทั้งไปยังโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พบปะกับผู้นำศาสนา ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้นำท้องถิ่น ก่อนออกเดินทางไปเยี่ยมชมกิจกรรมภายใน TK Park จ.ยะลา  ทั้งนี้​ หัวใจสำคัญหลังจากที่นายทักษิณ​ ได้ลงพื้นที่​ ท่านสามารถประสานงานกับผู้นำประเทศ 3 ประเทศที่อยู่ในพื้นที่ได้ ทั้งบรูไน​ อินโดนีเซีย​ มาเลเซีย​ ซึ่งจากการพูดคุยกันทุกประเทศมีความเป็นห่วงและอยากให้ภาคใต้สงบ อยากเห็นสังคมพหุนิยม​ เช่นเดียวกับประเทศตะวันออกกลางที่อยู่กันได้ ทั้ง 3 ศาสนา ไม่เห็นมีปัญหาอะไร​ ซึ่งหลังจากที่นายทักษิณได้ฟังปัญหาในพื้นที่แล้ว​ คิดว่าการแก้ไขปัญหาไม่น่าจะยากมาก​ หากได้มีการประสานร่วมมือกันระหว่าง 3 ประเทศ ดังนั้น​ ปีนี้น่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น และปี 2569 จะหาทางจบเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่รัฐบาลจะต้องนำมาพิจารณา​ ในฐานะที่ตนรับผิดชอบงานภาคใต้​ น่าจะหาทางออกได้

นายภูมิธรรม​ กล่าวอีกว่า​ ระหว่างลงพื้นที่นายทักษิณ​ ได้ยกปรัชญาของศาสนาอิสลาม​ เรื่องสันติสุขประกาศให้อภัย​ และถือเป็นการพูดครั้งแรกของนายทักษิณในทุกจุดที่ลงพื้นที่ เรื่องการขออภัย และได้เห็นถึงการตอบสนองของชาวมุสลิมในพื้นที่ เหตุท่านเป็นนายกฯ สมัยนั้นตั้งใจทำงานหลายอย่าง​ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่บางอย่างมีข้อผิดพลาด​ ท่านจึงบอกกับชาวมุสลิม​ ว่า หากได้ทำอะไรที่เป็นข้อขัดข้องติดใจ ก็ขออภัย​ อยากให้คนมุสลิมกลับมาคิดถึงการอยู่ร่วมกันแบบพหุนิยม ก็อยู่กันมาด้วยดี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 9​ ได้ลงมาเยี่ยมเยียน และพูดคุยกับผู้นำศาสนา อยากให้มองว่าที่นี่คือประเทศไทยของเรา บ้านของเรา ให้อยู่ร่วมกัน​ รวมถึงอยากให้นำปรัชญา​ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา​ มาทำงาน​ และอยากให้ชาวมุสลิมได้รู้สึก​ว่า เขาเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หมายถึง 77 จังหวัดของประเทศไทย

นายภูมิธรรม​ กล่าวต่อว่า​ นายทักษิณ​เชื่อว่าเรื่องภาคใต้​ จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ซึ่งนายทักษิณ​ ได้พูดความในใจไปแล้ว ในส่วนของตนและ พ.ต.อ.ทวี ในฐานะที่รับผิดชอบของพื้นที่ ก็รับฟังปัญหา และนำไปแก้ไข​ และอาจจะต้องพูดคุยกับอีกหลายภาคส่วน​ในเร็ววันนี้​ แต่เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ได้ พร้อมยืนยันว่า​กระบวนการพูดคุยยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่มั่นใจ​ ที่พูดคุยเป็นระดับไหน สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ จึงอยากให้เดือนรอมฎอน เป็นตัวพิสูจน์ว่า​ ต้องไม่มีการก่อเหตุ​ หยุดสร้างความรุนแรง

ส่วนกรณีที่มีระเบิดลงก่อนที่นายทักษิณ​ จะไปถึงพื้นที่นั้น​ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ เป็นเรื่องปกติ เพราะมีการก่อเหตุรายวันอยู่แล้ว​ ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว กลับเป็นการทำให้เรามุ่งมั่นเข้าถึง​ เพื่อสร้างความเข้าใจ​ในทุกพื้นที่​ ซึ่งนายทักษิณ​ เคยบอกว่าได้เข้าไปในชุมชนมุสลิมที่เป็นโรงเรียน ปัจจุบันดีขึ้นมาก​ บรรยากาศผ่อนคลาย​ ไม่ตึงเครียดเหมือนสมัยก่อน​ 

​ 

เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ​ กล่าวว่า ปี 70 เรื่องของภาคใต้จะจบ​ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ เราเชื่อมั่นว่าปีนี้จะดีขึ้น ปีหน้าก็จะหาแนวทางจบเรื่องนี้​ แต่จะเป็นอย่างไรนั้นต้องช่วยกันคิด ยังไม่สามารถตอบอะไรได้ เพียงแต่นี่คือความมุ่งมั่นและความมั่นใจที่จะทำงาน​