ถือเป็นหนึ่งบริษัท “ยักษ์ไอทีระดับโลก”หลังจากดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีมาครบ 50 ปี ในทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยเข้า 32 ปี ไปแล้วสำหรับ “ไมโครซอฟท์”

ปีนี้ได้เตรียมโปรเจคใหญ่ฉลอง 50 ปี ทั่วโลกในช่วงเดือน เม.ย.นี้  ส่วนในประเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก่อน โดยไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เปิดตัวออฟฟิศแห่งใหม่ที่โครงการ  “One Bangkok”  โดยย้ายจาก “ออลซีซั่นส์เพลส”

ในโอกาสเปิดตัว ออฟฟิศแห่งใหม่ ทาง คอลัมน์ “ขีวิตติด TECH” ได้มีโอกาสร่วมงานและคุยถึงที่มาที่ไปและวัฒนธรรมองค์กร การทำงาน เพื่อสร้างต้นแบบของออฟฟิศยุคใหม่ ที่ ผสานคน ข้อมูล และเทคโนโลยี ด้วยกัน กับ “ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์” กรรมการผู้จัดการ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์” บอกว่า  ก่อนที่หลังออฟฟิศเก่าจะหมดสัญญาเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ก็ได้มองหาที่ใหม่ ที่เป็นต้นแบบของออฟฟิศยุคใหม่ ที่เปิดโอกาสให้พนักงาน ลูกค้า และพันธมิตร ร่วมสร้างนวัตกรรม และพลิกโฉมการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้า 

“เราอยู่คู่กับการทำงานของผู้คนและองค์กร ในการทำงานมาทุกยุคสมัย นับตั้งแต่ยุคของพีซี สู่ยุคคลาวด์ มาจนถึงยุคเอไอ  ความสำเร็จนี้เกิดจากวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Growth Mindset ที่เชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง การเปิดรับความหลากหลาย และการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความแตกต่างและผลกระทบเชิงบวก”

สำหรับออฟฟิตใหม่ มีการผสมผสานความเป็น “ไทย” และ “เทค” เข้าด้วยกัน ชู 4 หัวใจสำคัญ ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่  โดยเน้น 4 หัวใจสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาวะในการทำงาน (Wellness) เช่น ระบบไฟในพื้นที่ทำงานที่ออกแบบมาเพิ่มลดความอ่อนล้าของสายตา โต๊ะทำงานทั้งหมดสามารถปรับระดับความสูงได้ การเพิ่มห้อง Focus room สำหรับการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง และ Phone room สำหรับการคุยโทรศัพท์ส่วนตัว รวมถึงห้องดูแลและให้นมบุตรสำหรับพนักงานที่เป็นคุณแม่

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือความใส่ใจในคนทุกกลุ่ม (Inclusivity) ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง Hearing loop ที่ผู้มีปัญหาทางการได้ยินสามารถเชื่อมต่อสัญญาณเข้ากับเครื่องช่วยฟัง เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมหรือการประชุมได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังคำนึงถึงผู้ใช้วีลแชร์ โดยอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น สวิตช์ไฟ เครื่องอ่านบัตรพนักงาน ได้รับการติดตั้งในระดับความสูงที่เหมาะสม รวมถึงประตูอัตโนมัติที่เข้าออกได้ง่ายสำหรับผู้ใช้วีลแชร์

ไมโครซอฟท์ยังสร้างสถานที่ทำงานยุคใหม่ (Modern Workplace) ที่เสริมประสิทธิภาพการสื่อสาร และการทำงานร่วมกันจากทุกที่ เพิ่มเติมจากโซลูชั่นและ Copilot ที่เป็นผู้ช่วยทำงานของทุกคนแล้ว ภายในออฟฟิศยังมีอุปกรณ์ที่ทำให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น ในห้องประชุมติดตั้งกล้องที่กระดานไวท์บอร์ดพร้อมระบบ AI เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมออนไลน์มองเห็นข้อความบนกระดานได้อย่างชัดเจน และสุดท้ายคือการใส่ใจความยั่งยืน (Sustainability) โดยเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน

นอกจากนี้ ยังได้ ผสานความล้ำสมัยของโลกดิจิทัลเข้ากับเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างลงตัว มัการตกแต่งใช้วัสดุที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น ลายดอกราชพฤกษ์ ปลากัด ปลาตะเพียน รวมถึงภาพหนุมานที่ประกอบขึ้นจากตัวอักษรและตัวเลขไทย ทุกองค์ประกอบเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย และพร้อมที่จะเติบโตเคียงข้างประเทศไทย

เมื่อมองถึงวัฒนธรรมในการทำงาน  ผู้บริหารของ ไมโครซอฟท์ บอกว่า  เมื่อเป็นบริษัทเทค หนีไม่พ้นที่ต้องนำเทคโนโลยีมายกระดับการทำงาน  ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และข้อมูลเชิงลึก  หรือ Data-Driven พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรแบบ Growth Mindset  รองรับการทำงานไฮบริด ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

“บริษัทเปิดโอกาสให้หนักงานทำงานได้จากที่ใดก็ได้ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิคทุกวัน หาก หัวหน้าสานงานอนุญาต โดยมองถึงมูลค่าที่พนักงานสร้างงานให้บริษัทมากกว่าการกำหนดให้ต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน จึงทำให้ปัจจุบันพนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิตเพียง 30%   จากที่เคยเช่าออฟฟิคที่เก่า 2 ชั้น ที่ใหม่จึงเหลือชั้นเดียว และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นโดยคาดว่าออฟฟิคใหม่จะดึงพนักงานให้มาทำงานในออฟิตเพิ่มเป็น 50%” 

โดยได้ออกแบบและพัฒนาเครื่องมือ และผู้ช่วย AI ให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกมากขึ้น อาทิ Microsoft Teams และ Microsoft 365 มาพร้อมกับ AI agents ที่มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยสนับสนุนพนักงาน ได้แก่ SharePoint agent รวบรวมความรู้จากเอกสารในทีม, Facilitator ช่วยจัดการการประชุม, Interpreter ช่วยแปลภาษา, Project manager ช่วยจัดการโครงการ และ Employee service ตอบคำถามช่วยเหลือพนักงานในเบื้องต้น

 รวมถึง Copilot ซึ่งเป็น UX for AI แห่งอนาคต เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน ช่วยให้พนักงานมีเวลาในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้มากขึ้น หรือพัฒนาทักษะที่ต้องการเพิ่มเติม และมีความพึงพอใจกับการทำงานมากขึ้น

เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับบริษัท จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรนั้น ทาง “ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์” บอกว่า ส่วนใหญ่จะมองหาพนักงานที่มีความสามารถพิเศษ โดยเปิดกว้างให้กับทุกคน ไม่ได้จ้างคนมาเพื่อวันนี้  แต่เป็นการจ้างเข้ามาเพื่ออนาคต  ดูทั้งเรื่องทัศนคติ ความรู้  ความสามารถ ที่ต้องผ่านการสัมภาษณ์ จากหลายคน โดย กระบวนการทางความคิด หรือ Mindset สามารถช่วยส่งเสริมกันได้หรือไม่

“วัฒนธรรมของ ไมโครซอฟท์ ไม่ใช่เรื่องของ เจนว่าเป็น เจนเนอเรชั่นอะไร  พนักงานมีทั้งเด็กที่เพิ่งจบใหม่ และคนที่ อายุ 45 ปี ก็รับเข้ามาทำงาน   ไม่ได้จำกัเเรื่องอายุ เพศ  การศึกษาต้องจบปริญญาตรี โท เอก ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เน้น เรื่องการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทมากกว่า”

สุดท้ายแล้วผู้บริหารของไมโครซอฟท์ บอกว่า เราไม่ได้แค่สร้างออฟฟิศใหม่ แต่เรากำลังสร้างอนาคตของการทำงาน ที่มีผลเชิงบวกให้กับคนไทย องค์กรธุรกิจ และประเทศไทย ให้ก้าวไปสู่อนาคตในโลกยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน.

Cyber Daily