นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีประชาชนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย ระยะ (เฟส) ที่ 1 ผ่านทางเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุด พบว่า มีผู้ลงทะเบียนมาแล้วประมาณ 3.5 แสนคน ในจำนวนนี้มีผู้ผ่านการกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Approve) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กว่า 1.4 แสนราย อย่างไรก็ตามประมาณกลางเดือน มี.ค. 68 กระทรวงคมนาคมจะรายงานข้อมูลการลงทะเบียนฯ รวมทั้งรูปแบบ และรายละเอียดการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบสถานีรถไฟว่าจะเป็นแบบใด จำนวนเท่าใด เพื่อขออนุมัติการดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทย หากเห็นชอบจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ กม.11 (วิภาวดี) ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนแจ้งความประสงค์มากที่สุด รองลงมาคือ พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช), พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, และพื้นที่เชียงราก จังหวัดปทุมธานี ตามลำดับ โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก 3-4 หมื่นคน ขณะที่มีบ้านให้จองเพียง 35 หลัง จึงปรับแผนให้มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมารองรับความต้องการของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามประมาณกลางเดือน มี.ค. นี้ จะปิดรับลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมชั่วคราว คาดว่าจะเริ่มจับสลากผู้ได้รับสิทธิบ้านเพื่อคนไทย เฟสที่ 1 ประมาณ 5,700 ยูนิต ในเดือน เม.ย. 68 ดำเนินการโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อยืนยันความโปร่งใส

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อจับสลากแล้วเสร็จ ผู้ที่ได้รับสิทธิจะเข้าทำสัญญากับ ธอส. ขณะเดียวกัน บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (อทส.) จะเปิดประมูลหาผู้รับจ้าง เพื่อก่อสร้างบ้านเพื่อคนไทย เฟสแรก พร้อมกันทั้ง 4 พื้นที่ภายในปี 2568 ทันที และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมทั้งสามารถส่งมอบให้ประชาชนได้ประมาณปลายปี 2569 อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนเข้ามาแล้ว และไม่ได้รับสิทธิในเฟสแรก จะมีสิทธิเข้าร่วมจับสลากในเฟสต่อๆ ไป เบื้องต้นคาดว่าเฟสที่ 2 ประมาณ 7,100 ยูนิต จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งประมาณเดือน เม.ย. 68 ทั้งช่องทางออนไลน์ และที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยเฟสนี้จะดำเนินการในพื้นที่โคราช จังหวัดนครราชสีมา, ขอนแก่น, ชลบุรี, กาญจนบุรี และพื้นที่ กม.11 (วิภาวดี) 

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นจะประกาศดำเนินโครงการเฟสต่อๆ ไปในทุกเดือน ตั้งเป้าหมายให้ได้ประมาณ 1 แสนยูนิต อย่างไรก็ตามที่ดินของ รฟท. ที่จะนำมาใช้ดำเนินโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น คิดเป็นประมาณ 4% ของที่ดินเปล่าทั้งหมดประมาณ 3.8 หมื่นไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ให้กับ รฟท. ได้มากกว่าการนำพื้นที่ รฟท. ไปให้เช่า เชื่อว่าหากดำเนินการไปประมาณ 3-4 ปี จะสามารถนำรายได้มาล้างหนี้ รฟท. ที่มีกว่า 2 แสนล้านได้หมด และยังเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ถือเป็นการฉีดยาตรงโรค นอกจากนี้พนักงานของ รฟท. ฝ่ายปฏิบัติการ จะได้รับสิทธิพิเศษจากโครงการนี้เช่นกัน เพราะเป็นสวัสดิการที่พนักงานกลุ่มนี้ต้องได้รับอยู่แล้ว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่าโครงการนี้ส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ ขอยืนยันว่า ไม่น่าส่งผลกระทบ เพราะเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน นอกจากนี้บ้านเพื่อคนไทย จะไม่เหมือนกับบ้านเอื้ออาทรแน่นอน เพราะบ้านเพื่อคนไทยมีโลเคชั่นที่ดี ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและรถไฟ รวมทั้งมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกันบ้านและคอนโดมิเนียมที่จะก่อสร้าง จะเป็นเหมือนกับบ้านตัวอย่างที่จัดแสดงที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และระบบต่างๆ จะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ด้วย.