เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่รัฐสภา นายรัศม์ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการชี้แจงกับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาผลกระทบการผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คน กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า การชี้แจงครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อหาข้อเท็จจริง และทางออกที่ดีให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจของทางการไทยในการส่งกลับชาวจีน จำนวน 40 คนกลับไปที่จีน ซึ่งเป็นคำร้องจากจีน โดยรัฐบาลจีนมีหนังสือยืนยันและรับรองว่าให้ชาวอุยกูร์กลับคืนสู่สังคมปกติ ซึ่งถือว่าคำมั่นของจีนนี้ เป็นสิ่งยืนยันที่จะไม่ทำให้ทั้ง 40 คนนั้น กลับไปสู่อันตราย จึงเป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลไทยส่งกลับไป
นายรัศม์ กล่าวอีกว่า แม้อาจมีบางประเทศที่มีคำขออยากจะรับตัวคนเหล่านี้ไป เรื่องนี้รัฐบาลเห็นว่า ทางออกที่ดีที่สุด คือการส่งตัวกลับไปยังจีน ย้ำว่า เรื่องนี้ไม่อยากให้เป็นประเด็นกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากแต่ละประเทศส่วนใหญ่มีความเข้าใจดี และเป็นมิตรกับประเทศเรา แต่เราเห็นว่า หากประเทศที่สามยินดีที่จะรับคนจีนเหล่านี้ไปจริง ก็ควรช่วยหารือเจรจากับจีน เพื่อยินดีให้ประเทศไทยส่งตัวไปยังประเทศที่สาม
นายรัศม์ กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลว่าการส่งตัวไปในครั้งนี้จะปลอดภัยจริงหรือไม่นั้น เราจำเป็นต้องยึดมั่นคำพูดของมิตรประเทศเรา ซึ่งคือจีน และเรื่องนี้เป็นเพียงสมมติฐาน ซึ่งเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล และเราจะต้องพิสูจน์กันต่อไป ทั้งไทยและจีนจะร่วมมือกันในเรื่องนี้ และจีนได้ให้คำมั่นเช่นเดียวกัน ว่าจะให้มีการติดตามไปดู และเราได้รับคำเสนอแนะจากกรรมาธิการฯ บางคน ที่เสนอมา โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเชิญจุฬาราชมนตรีเป็นผู้แทนไปร่วมติดตามต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พร้อมจะร่วมมือ เพื่อให้เรารับทราบถึงสถานะและสวัสดิภาพของคนเหล่านี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม การส่งกลับก่อนหน้านี้กับครั้งนี้นั้น ระยะเวลากว่า 10 ปี มีความแตกต่างกัน เนื่องจากมณฑลซินเจียงของจีน มีความพัฒนารุดหน้าในทุกด้าน และที่สำคัญที่แตกต่างที่สุด คือมีการรับรองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยทางการจีนหลายข้อ.