นับเป็นข่าวช็อก เมื่อเฟซบุ๊กเพจของวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย ได้โพสต์รูปภาพและข้อความ แจ้งข่าวการเสียชีวิตของ อดีต “พระยันตระ” เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ อายุ 73 ปี ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพต่างแห่แสดงความอาลัย
อดีต ‘พระยันตระ’ เสียชีวิตในวัย 73 ที่แคลิฟอร์เนีย ลูกศิษย์ต่างอาลัย
สำหรับประวัติของ อดีตพระยันตระ นั้น มีชื่อเดิมว่า นายวินัย ละอองสุวรรณ เกิดวันที่ 14 ต.ค. 2494 เคยอุปสมบทที่วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2517 โดยแทนตัวเองว่า “พระยันตระ” แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ที่เคยใช้มาตั้งแต่ยังเป็นฤๅษียันตระ

เมื่อบวชแล้วเป็นที่รู้จักดี ทำให้มีผู้ศรัทธาบวชเพื่อเข้าเป็นลูกศิษย์มากมาย ทำให้เขามักแวดล้อมไปด้วยพระสงฆ์คอยอุปัฏฐากอยู่เสมอ ๆ นอกจากนี้ ยังมีผู้ศรัทธาสร้างสำนักวัดถวายเขาหลายแห่ง โดยทุกวัดที่สร้างในสำนัก เขาจะใช้คำว่า “สุญญตาราม” ประกอบด้วยเสมอ สำนักที่เป็นที่รู้จักดีคือ วัดป่าสุญญตาราม กาญจนบุรี และยังมีสำนักวัดป่าสุญญตารามของเขา ในต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่นที่ วัดป่าสุญญตาราม เมืองบันดานูน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น

ด้วยวัตรปฏิบัติรวมถึงคำสอนของเขา ทำให้พระวินัย ถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในยุคนั้น มีการตีพิมพ์เผยแพร่คำสอนรวมถึงได้รับนิมนต์ไปเทศนายังที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ คำสอนของเขาเน้นแนวทางปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิชาการศาสนาว่าถูกต้องกับพระไตรปิฎก

ต่อมา เกิดเรื่องราวอื้อฉาวขึ้น เมื่อถูกเปิดโปงถึงพฤติกรรมล่อลวงหญิงสาวและมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะกับนางจันทิมา หญิงรายหนึ่งที่ถึงขั้นพาเด็กหญิงมาแสดงตัว อ้างว่าเป็นลูกของเธอกับยันตระ และหลักฐานอื่นๆ เช่น ภาพถ่ายการใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา สุดท้ายท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ
ต่อมามีการเปิดเผยสลิปบัตรเครดิตที่มีญาติโยมบริจาคให้ และถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
ในที่สุดเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความหลายข้อหา เมื่อปี 2537
จนในที่สุด เขาได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่า เขาต้องอาบัติหนัก ดังที่ถูกฟ้องร้อง

แต่อดีตพระยันตระไม่ยอมรับมติดังกล่าว พร้อมปฏิญาณตนว่ายังมีสถานะเป็นภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว เวลานั้นมีการเรียกอดีตพระยันตระว่า “จิ้งเขียว” ก่อนที่จะมีข่าวว่าออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง
กระทั่ง 20 ปีต่อมา อดีตพระยันตระ กลับมาปรากฏตัวที่ไทยอีกครั้ง เมื่อคดีหมดอายุความ เมื่อเดือนเมษายนปี 2557
ได้มาพักอยู่ที่อาศรมที่ปลูกสร้างขึ้น หลังบ้านเดิมของอดีตพระยันตระ โดยมีผู้ที่ยังเคารพนับถือเดินทางมาเยี่ยมเยียนและเชิญไปยังสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดในภาคใต้ โดยจะเดินทางกลับอเมริกาในวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 ซึ่งทราบว่าจะปักหลักอาศัยอยู่ที่อเมริกาตลอด
ปี 2564 อดีตพระยันตระ ได้เดินทางกลับไทยอีกครั้ง โดยกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี จนถึงวันที่ 8 ต.ค. และจากนั้นวันที่ 9-14 ต.ค. ได้เดินทางไปอาศัยที่ สำนักป่าสุญญตารามเกริงกระเวีย วันที่ 15-18 ต.ค. ไปอยู่ที่บ้านเกิด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้นวันที่ 19-22 ต.ค. เจ้าตัวได้มาอยู่ที่เกพลิตาโพธิวิหาร จ.สระแก้ว ซึ่งในวันที่ 23 ต.ค. จะกลับมาพักที่บ้านคุณหญิงสิริกร จ.ปทุมธานี ก่อนที่ในวันที่ 27 ต.ค. เจ้าตัวจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา

ต่อจากนั้น 6 ก.พ. 68 อดีตพระยันตระ ได้เดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้ง กระทั่งเดินทางกลับไปยังวัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิต.