เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่รัฐสภา นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ในความเห็นส่วนตัว มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกคนอยากฟัง ตนจึงคิดว่าฝ่ายค้านน่าจะถอยไปก้าวหนึ่ง ซึ่งเมื่ออภิปรายแม้ไม่มีการระบุชื่อและนามสกุลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ก็สามารถอภิปรายแล้วทำให้ประชาชนเข้าใจว่า บุคคลที่กำลังพูดถึงเป็นใคร ฉะนั้น จึงคิดว่าไม่มีข้อแตกต่างในการที่จะระบุชื่อหรือไม่ระบุในญัตติเปิดอภิปรายในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดการประชุม เพราะหากไม่มีการอภิปราย ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และประชาชนก็อยากฟัง จึงฝากให้ฝ่ายค้านพิจารณาให้คำนึงถึงสาระสำคัญในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่าเอาเรื่องอื่นที่มีความสำคัญน้อยกว่าเป็นประเด็นหลัก
”ประธานสภา จำเป็นต้องคำนึงความสำคัญในการอภิปราย ว่าจะทำอย่างไรให้วันนั้นสงบเรียบร้อย อย่าให้มีการประท้วงวุ่นวาย จนกระทั่งอาจจะไม่มีโอกาสที่จะอภิปราย เพราะลักษณะของความวุ่นวายในสภาเคยเกิดขึ้น ที่เคยล็อกคอประธานลงจากบัลลังก์ก็เคยมี ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และเมื่อไม่อยาก ประธานก็ต้องคิดว่าควรระงับก่อนเหตุเกิด จึงพยายามมองว่าอะไรที่น่าจะเกิดก็สมควรระงับไว้ก่อน ผมจึงเชื่อว่าความรอบคอบของประธาน เป็นเหตุจำเป็นที่ต้องเข้มงวดในเรื่องนี้“ นายมุข กล่าว
ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภา กล่าวว่า ข่าวที่ระบุว่านายวันมูหะมัดนอร์ ให้ถอนชื่อของบุคคลที่ถูกกล่าวในญัตติของฝ่ายค้านร้องมานั้น เพราะมีบุคคลไปขอ ตนขอยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ ตัดสินใจด้วยวิจารณญาณของท่านเอง ไม่มีใครไปขอ ฉะนั้น ที่มีข่าวนั้นไม่เป็นความจริง ตนอยู่กับท่านมา 40 ปี ยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ใช่ประเภทที่ใครจะขอให้ทำความผิดแล้วจะทำตาม แม้ว่าจะใกล้ชิดหรือไม่ก็ตาม และเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอนที่มุสลิมถือศีลอด เขาจะไม่พูดปด.