สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ว่าสถาบันโรเบิร์ต ค็อก (อาร์เคไอ) ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเยอรมนี ยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 37,120 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดครั้งใหม่ ขณะที่ค่าอัตราอุบัติการณ์ของโรค (ไออาร์) ในรอบ 7 วันล่าสุดจนถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 169.9 ต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นจากสถิติเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งอยู่ที่ 154.5 ต่อประชากร 100,000 คน


ขณะเดียวกัน รายงานของอาร์เคไอยังระบุด้วยว่า สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ครบ ความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออยู่ในระดับ “สูงมาก” เพิ่มขึ้นจาก “สูง”

ด้านโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน หรือ “ชาริเท” ซึ่งเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ออกรายงานเสริมว่า สถานการณ์ของระบบสาธารณสุขในเยอรมนี “กำลังตึงตัวอย่างหนัก” อัตราการเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 3.62 เมื่อวันพุธ เป็น 3.73 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ประชาชนรอรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งหนึ่ง ในกรุงเบอร์ลิน


นายเยนส์ ชพาห์น รมว.สาธารณสุขของเยอรมนี กล่าวว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นถือเป็น “การแพร่ระบาดระลอกที่สี่อย่างแท้จริง” ซึ่งแน่อนว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือบุคคลซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และเตือนว่า ในอนาคตกลุ่มคนเหล่านี้อาจเผชิญกับข้อจำกัดในการใช้ชีวิตมากกกว่าคนอื่น และกล่าวถึงผลการประชุมร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นของ 16 รัฐ ซึ่งต่างยอมรับว่า หากสถานการณ์ยัง “เลวร้าย” แบบนี้ต่อไป การกลับมาล็อกดาวน์ “อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้”


นอกจากนี้ ชพาห์นยังกล่าวถึงการฉีดวัคซีนกระตุ้น หรือบูสเตอร์ ว่าในที่สุดแล้ว ประชาชนทุกคนในเยอรมนีอาจต้องรับบูสเตอร์ หลังฉีดวัคซีนครบแล้วนานเกิน 6 เดือน โดยจะไม่มีเงื่อนไขเรื่องอายุ และสุขภาพส่วนบุคคลอีก และเตรียมกำหนดเงื่อนไข ให้บุคลากรทุกคนในสถานดูแลผู้สูงอายุ และผู้ที่ประสงค์เข้าเยี่ยม ต้องฉีดวัคซีนด้วย.

เครดิตภาพ : AP