สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ว่า ศาลอุทธรณ์เขต 5 ของรัฐบาลกลางสหรัฐ มีคำพิพากษาฉุกเฉิน ว่าด้วยการระงับใช้ชั่วคราว เมื่อวันเสาร์ ต่อคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ว่าผู้ที่ทำงานในสถานประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่งมีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบตามเงื่อนไขของวัคซีนแต่ละแบบ ภายในวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้า มิเช่นนั้น ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองทุกสัปดาห์


ทั้งนี้ อัยการให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวของผู้นำสหรัฐ “ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ” เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไม่ควรใช้มาตรการบังคับด้านสุขภาพและการแพทย์ต่อชาวอเมริกัน โดยไม่คำนึงถึงหลักการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ


ขณะที่กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงานสหรัฐออกแถลงการณ์ในเวลาใกล้เคียงกัน ยืนยันว่า ไบเดน “มีอำนาจทางกฎหมาย” ในการประกาศมาตรการเหล่านี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญเพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน และเพื่อเอาชนะโรคโควิด-19 รัฐบาลวอชิงตันยึดมั่นต่อแนวทางนี้ และพร้อมชี้แจงต่อศาล


นอกจากการออกคำสั่งสำหรับบริษัทขนาดใหญ่แล้ว ผู้นำสหรัฐยังมีคำสั่งให้ลูกจ้าง 17 ล้านคน ที่ทำงานในสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ และสถานประกอบการด้านสุขภาพ โดยได้รับผลประโยชน์จากระบบประกันเมดิแคร์และเมดิเคด ต้องฉีดวัคซีน “ให้ครบทุกคน” ภายในวันที่ 4 ม.ค. ปีหน้าเช่นกัน และมีข้อยกเว้นเฉพาะเรื่องศาสนาหรือสุขภาพเท่านั้น ซึ่งต้องมีการแสดงหลักฐานยืนยันอย่างละเอียด


นอกจากนี้ รัฐบาลกลางขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการทุกแห่ง ให้กำหนดแนวทางสำหรับพนักงานซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่ปฏิบัติงาน และต้องเข้ารับการตรวจให้มีผลยืนยันเป็นลบ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้นไป.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES