เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 68 ที่ อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปอร.ตร., พล.ต.ท.วีรชน บุญทวี ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป” กวาดล้างแก๊งอาชญากรรม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เข้าตรวจค้น 552 จุด จาก 667 เป้าหมายทั่วประเทศ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข ผอ.ศปอร.ตร. ได้มีการประชุมขับเคลื่อนศูนย์พร้อมด้วยคณะทำงานฯ เพื่อขับเคลื่อนรับมอบนโยบาย และแนวทางที่จะทำให้อาชญากรรมในเมืองไทยลดลงอย่างแท้จริง จึงได้สั่งการและมอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช ดำเนินการประชุมวางแผน ทำลายเครือข่ายผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญที่น่าจะก่ออาชญากรรมร้ายแรงในบ้านเมือง ให้ตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศ ดำเนินการคัดกรองเป้าหมายที่จะปฏิบัติในการตรวจค้นจับกุมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศจนนำมาสู่การคัดกรองเป้าหมายตรวจค้นในครั้งนี้จำนวน 667 จุดทั่วประเทศ อาชญากรจำนวน 653 ราย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 88 หมายจับ

พล.ต.ท.อัคราเดช เปิดเผยว่า วันนี้ (21 มี.ค.) พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ ศปอร.ตร. เปิดปฏิบัติการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป” เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 552 จุด พื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างอาชญากรรมและอิทธิพลเถื่อน โดยตนได้ควบคุม สั่งการ ด้วยตนเอง โดยการบูรณาการร่วมกันของตำรวจภูธร ภ.1-9, บช.น., สตม., บช.ตชด. และบช.ก. ใช้กำลังปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 4,000 นาย
รวมของกลางที่ตรวจยึดในปฏิบัติการครั้งนี้ 1.ยานพาหนะ จำนวน 314 คัน รถยนต์ 64 คัน รถจักรยานยนต์ 250 คัน 2.อาวุธปืน 239 กระบอก (ปืนสั้น 109, ปืนไทยประดิษฐ์ 76, ปืนยาว 52, อาวุธสงคราม 2) เครื่องกระสุน จำนวน 5,314 นัด 3.ยาเสพติด ยาไอซ์ 108.45 กรัม ยาบ้า 16,161 เม็ด 4.ยุทธภัณฑ์ 16 รายการ และ 5.ระเบิด 9 ลูก

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ในการป้องปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น

ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 กล่าวถึงคดีที่น่าสนใจว่า คดีนี้เป็นการปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติด ในพื้นที่ สภ.เมืองระนอง ซึ่งมีผู้ต้องหาตามหมายจับยาเสพติด โดยตำรวจได้ดำเนินตามยุทธวิธี แต่ผู้ต้องหาไม่เปิดประตู จึงได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าดำเนินการ ปรากฏว่าผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามเจรจาอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล จากนั้นผู้ต้องหาพยายามวิ่งหลบหนีโดยใช้อาวุธปืนยิงเปิดทาง ทางเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองระนอง จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนเพื่อป้องกันตัว เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบ้านพักพบยาบ้า 400 เม็ด

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า บก.ปปป. สามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นวิศวกรโยธาจากสำนักงานทางหลวง 1 และพนักงาน ได้รวม 2 ราย หลังมีประชาชนเข้าร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 รายเรียกรับเงินทดแทนการเวนคืนที่ดินจากผู้เสียหาย 250,000 บาท เพื่อเพิ่มค่าทดแทนที่ดินจาก 2,700,000 บาท เป็น 3,600,000 บาท โดยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนเงินไม่ให้ผู้ถูกเวนคืนรู้ยอดเงิน กระทั่งต่อมาผู้เสียหายพบว่าค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงคือ 3,600,000 บาท ส่วน 2,700,000 บาทแรกนั้นเป็นเพียงค่าประเมินที่ดิน ซึ่งหลังการสืบสวนตำรวจพบว่ามีเครือข่ายที่ผู้เสียหายถูกสั่งให้ฝากเช็คค่าทดแทนและถอนเงินสดให้เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้เสียหายแล้วประมาณ 5-6 คน โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งจากการสืบสวนยังไม่พบว่ามีผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้คาดว่าจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับที่สูงขึ้น จึงจะทำการขยายผลต่อไป.