เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กล่าวว่า ตนขอสนับสนุน นพ.ชยนันท์ สิทธิ์บุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กระทรวงสาธารณะสุข ที่ได้มีการอภิปรายในสภาว่า “เพราะสุขภาพคนไทย ไม่ใช่ตัวทดลอง เพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์ของการปลดล็อกให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย” เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งใช้กันมากเมื่อ 10 ปีมานี้เอง ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงเพิ่งค่อยๆ ปรากฏให้เห็น โรคที่เกิดขึ้น มีทั้งที่เหมือน และที่แตกต่างจากการสูบบุหรี่มวน อันเป็นผลจากสารเคมีในไอบุหรี่ไฟฟ้า มีทั้งที่เหมือนและต่างจากที่มีในควันบุหรี่มวน ชนิดของผลิตภัณฑ์ อายุที่เริ่มสูบและความถี่ของการสูบ รวมทั้งสิ่งเสพติดอื่นที่มีการใช้ร่วมกัน
กรณีบุหรี่มวน ที่เริ่มระบาดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 จนอีกเกือบ 50 ปีต่อมา จึงมีการประกาศว่า การสูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งปอด โรคปอดเรื้อรังและโรคหัวใจในปี ค.ศ. 2564 จึงไม่ผิดที่จะบอกว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในขณะนี้ กำลังเป็นตัวอย่างหนึ่ง ในการทดลองอันตรายต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้าในระยะยาว โดยเอาสุขภาพและชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน มายาคติของบริษัทบุหรี่และเครือข่ายล็อบบี้ยิสต์ ที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน จึงไม่เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก เพราะอันตรายระยะยาว ยังไม่มีใครรู้ และสุขภาพที่เสียไปแล้วไม่สามารถจะกลับคืนมาได้
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า สส. ที่อภิปรายในสภา ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน เท่ากับท่านเชื่อและสนับสนุนมายาคติ ที่โหมกระพือโดยบริษัทบุหรี่และบริวาร เหนือคำเตือนจากองค์กรพิทักษ์สุขภาพอย่างองค์การอนามัยโลก เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ท่านควรจะเชื่อใครตั้งแต่ต้น ดังนั้นตนจึงขอเรียกร้องให้น้องๆ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า เลิกเป็นหนูทดลองถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนที่น้องๆ จะเสพติดจนเลิกไม่ได้ เหมือนกลุ่มผู้ใหญ่ที่เรียกร้องขอสิทธิที่จะสูบบุหรี่ไฟฟ้า.