เมื่อเวลา 09.06 น. วันที่ 24 มี.ค. 68 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ต่อจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน ซึ่งในระหว่างที่ พล.อ.ประวิตร กำลังแนะนำตัวต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง ตามข้อบังคับข้อที่ 9 เพื่อความชัดเจนและเป็นบรรทัดฐานในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนเป็น สส. ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 67 เข้าประชุมทุกครั้ง แต่ไม่เคยเจอ พล.อ.ประวิตร เลยสักครั้ง จึงขอให้ประธานวินิจฉัยว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้เหมาะสมที่จะทำการอภิปรายวันนี้หรือไม่ เพราะตั้งแต่ร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรมา ยังไม่เคยเห็น พล.อ.ประวิตร มาร่วมประชุมเลยสักครั้ง

ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า เป็นคนละประเด็น เพราะการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีข้อบังคับเรื่องการมาประชุม ซึ่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้พิจารณา แต่วันนี้มาตามข้อบังคับการขออภิปรายไม่ไว้วางใจตาม มาตรา 151 ในฐานะสมาชิกรัฐสภา จึงมีสิทธิที่จะอภิปราย จึงขอให้นายก่อแก้วนั่งลง เพราะตนวินิจฉัยแล้วไม่ได้ผิดข้อบังคับ เพื่อเป็นการควบคุมให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นอภิปรายว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจเป็นที่ไว้วางใจ ให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก ในส่วนของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีล้มเหลว วันนี้ประชาชนแสนสาหัส เกิดปัญหาทุกข์ยากทุกหัวระแหง ปัญหาปากท้องไม่ได้รับการแก้ไขจากที่รัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญา พนักงานถูกเลิกจ้าง บริษัทห้างร้านปิดกิจการจำนวนมาก การแก้ไขปัญหาผิดที่ผิดทาง ประชาชนเกิดปัญหาหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ นี่ครัวเรือนสูงขึ้นถึง 104 เปอร์เซ็นต์ ราคาข้าวโพด ข้าวสาร มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์ม น้ำมัน พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ตลาดหุ้นดำดิ่งในรอบ 3 ปี แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ มาแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ซึ่งจริงๆ ตนพยายามเอาใจช่วยนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาประชาชนให้สำเร็จ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีเคยบริหารงานธุรกิจมาก่อน ก็คงมีประสบการณ์ที่จะช่วยประเทศชาติได้บ้าง แต่ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซ้ำยังถอยหลัง จน GDP ประเทศไทยรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน และที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการตัดงบประมาณนับแสนล้าน ที่ควรอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจ แต่นายกรัฐมนตรีกับนำเงินก้อนดังกล่าวไปแจกในโครงการเงินหมื่น ซึ่งธนาคารโลกและกองทุน IMF ได้มีการออกมาเตือนแล้ว ว่าการแจกเงินหมื่นนั้นไม่ได้ผล แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ แทน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านวันนี้ คนไทยคงไม่ลำบากทุกข์ใจในเรื่องปากท้องอย่างแสนสาหัส ฉะนั้นท่านจะนำพาประเทศให้รอดพ้นปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเป็นห่วงประเทศชาติเป็นอย่างมาก และไม่สบายใจต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่อง MOU 44 ที่วันนี้นายกรัฐมนตรีนำพาประเทศชาติไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนทรัพยากรทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาล และที่น่าเศร้าใจ คือเรื่องลูกเรือประมงของไทย นายกรัฐมนตรี รับปากว่าจะนำกลับมาประเทศไทย แต่นี่ 4 เดือนแล้วก็ยังไม่ได้กลับ ตนในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดชีวิต และเป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ตนทราบดีว่างานด้านความมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ
“ผมเห็นใจนายกรัฐมนตรีที่ต้องมาเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องที่ท่านไม่มีประสบการณ์ วันนี้ประเทศชาติไม่ใช่เวทีที่จะมาให้มือสมัครเล่นมาซ้อมมือ และเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะร่างกฎหมาย สถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน แต่มันมีช่อง ที่ทำให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ผมขอย้ำว่ากาสิโนจะนำชาติไปสู่ความหายนะ และอันตรายอย่างที่สุด ก็จะทำให้สังคมอ่อนแอ และเกิดธุรกิจสีเทา ติดตามมาอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้การปฏิบัติละเลยเรื่องต่างๆ ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน และธุรกิจสีเทา รวมไปถึงปัญหาอาชญากรรม รวมไปถึงมีปัญหาพนันออนไลน์มากอยู่แล้ว” พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เป็นประเด็นที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5) ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะท่านทำพฤติกรรมอำพรางยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม โดยเฉพาะในเรื่องการถือหุ้น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์คลับ จำกัด ทั้งที่รู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ท่านไม่ควรแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ท่านยังปล่อยปละละเลยให้บุคคลในครอบครัว มากระทำให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตน การที่บุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรี เรียกแกนนำต่างๆ ไปพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาลในบ้านจันทร์ส่องหล้า และบุคคลในครอบครัวของนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลต่อไปในทางครอบงำหรือไม่ เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามการตรวจสอบขององค์กรที่เกี่ยวข้อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินท่านเอง

“ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ไม่ใช่การกล่าวด้วยอคติ แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สส.พรรคพลังประชารัฐ อีก 4 คน จะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป ผมขอขอบคุณ สส. ทุกท่านในที่นี้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และประชาชนทุกคน ที่รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง อาจไม่กระฉับกระเฉงเท่าตอนเป็นหนุ่มๆ ผมจึงใช้ใจบันดาลแรงในการบริหารประเทศให้สำเร็จมาได้หลายอย่าง ส่วนนายกรัฐมนตรีเป็นคนหนุ่มสาวที่ยังมีแรง ผมเชื่อว่าถ้าท่านบริหารประเทศด้วยสติปัญญา มีความอ่อนน้อม แต่หนักแน่นในหลักการ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าครอบครัวพวกพ้อง ผมเชื่อว่าประชาชน จะชื่นชมและยอมรับท่านเอง ขอให้โชคดีครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว
โดยหลังจากการอภิปรายเสร็จสิ้น ห้องประชุมได้ปรบมือให้กับ พล.อ.ประวิตร จนนายวันมูหะมัดนอร์ ประธานในที่ประชุมขณะนั้น ถึงกับต้องกล่าวเบรกว่าไม่ต้องปรบมือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร มีท่าทีที่เหนื่อย และมีการหยุดเว้นหายใจ และทันทีที่พูดเสร็จ พล.อ.ประวิตร ก็ได้เดินออกจากห้องประชุมทันที.