เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยนายสุธรรม จริตงาม สส.พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในประเด็นความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชนและสังคม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและครอบครัว โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติ จึงเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเหตุที่ตั้งข้อกล่าวหารุนแรง มาจากพฤติการณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ได้หากินในที่ดินธรณีสงฆ์ ซึ่งเป็นสมบัติของวัดธรรมิการาม ด้วยการถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ซึ่งศาลตัดสินแล้ว ควรถึงเวลาที่จะคืนที่ดินให้วัดตามเจตนารมณ์ของผู้ยกที่ดินให้กับทางวัด
นายสุธรรม กล่าวว่า ในฐานะชาวพุทธ ไม่สบายใจที่มีผู้มาหากินกับทรัพย์สินของทางวัด และถือว่าการกระทำของนายกฯ เป็นการขัดกันของผลประโยชน์ เพราะหลังจากรับตำแหน่งนายกฯ แล้ว ต้องถือหมวก 2 ใบ คือในฐานะนายกฯ และลูกที่เพิ่งโอนหุ้นให้กับมารดาของตนเอง ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทนี้มีการโอนหุ้นกันไปมาภายในครอบครัว โดยไม่ทราบว่าพฤติกรรมของครอบครัวนี้ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่ร่ำรวย มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านบาท เพราะเหตุใดจึงหวงแหนที่แปลงนี้ นี่ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนายกฯ ที่ต้องชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องศีลธรรมและความซื่อสัตย์ แต่ไม่อยากต่อว่ามาก เพราะตอนที่นายกฯ ถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ฯ ยังเด็ก และไม่ทราบเรื่องราวภายในครอบครัวนี้ แต่ก็ย่อมปฏิเสธพฤติกรรมในอดีตไม่ได้ จึงถือว่าการกระทำของนายกฯ ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวม คนที่เป็นนายกฯ ของประเทศไทย ไม่ควรมีพฤติกรรมเช่นนี้ ถือว่าเสื่อมเสียเกียรติ
“หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาหรือลาออก ควรจะพูดคุยกับคนในครอบครัว คืนที่ดินแปลงนี้ให้กับวัด เพื่อลบล้างบาปผลกรรมที่ทำไว้กับทางวัดมายาวนาน” นายสุธรรม กล่าว.