เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การเภสัชกรรม (จีพีโอ.) ​ออกแถลงการณ์ผ่านเพจ “องค์การเภสัชกรรม” กรณีที่มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับราคานำเข้าและการจัดเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น องค์การเภสัชกรรม ขอชี้แจง ดังนี้

  1. จากที่ได้มีการนำเสนอว่า “ราคาวัคชีนโมเดอร์นา ที่นำเข้ามา ราคา 584 บาทต่อโดส”นั้น ขอชี้แจงว่า ราคา 584 บาทต่อโดส เป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง อย่างไรก็ตามองค์การฯไม่สามารถเปิดเผยราคานำเข้าได้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ได้มีการกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในการเจรจาซื้อขาย ที่ไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่าย เปิดเผยราคาซื้อขายของคู่ค้าได้ โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นา เป็นผู้กำหนดราคาซื้อขาย มีข้อมูลที่เป็นที่เปิดเผยโดยทั่วไปว่าราคาซื้อขายในตลาดโลก(อ้างอิงจากเว็บไซต์ www.biospace.com) อยู่ที่ ประมาณ 25-37 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 โดส โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและจำนวนในการจัดซื้อในแต่ละครั้ง

2.การกำหนดราคาขายวัคซีนโมเดอร์นา ให้กับโรงพยาบาลเอกชน ที่ราคา 1,100 บาทต่อโดสนั้น เป็นราคา ที่มาจากราคาวัคซีนที่องค์การเภสัชกรรม ได้รับจากบริษัทซิลลิค ฟาร์มา รวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รวมกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ อาทิ ค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยรายบุคคล เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา กรณีที่อาจมีอาการไม่พึงประสงค์ ดังนั้นประเด็นที่มีการกล่าวหาว่า มีการบวกกำไรหรือภาษีเข้าไปในราคาขายถึง 516 บาท หรือ 88 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่เป็นความจริง

3.องค์การเภสัชกรรม ได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นตัวแทนจัดซื้อจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เพื่อให้ประชาชนได้มีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม ได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการป้องกันต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขไทย เพื่อให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้

โดยก่อนหน้านี้ อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ชื่อดัง โพสต์คลิปลงในยูทูบ เปิดราคาวัคซีนโมเดอร์นา อัดรัฐบาลกำไรจากวัคซีน โดยการเก็บภาษีเข้ากระเป๋ารวมกว่า 111.1 เปอร์เซ็นต์ สรุปใจความว่า

รัฐทำกำไรจากภาษีวัคซีนโมเดอร์นาจากทางตรงและทางอ้อม โดยนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา ราคา 584 บาท ผ่านองค์การเภสัชกรรม ขายให้โรงพยาบาลเอกชนราคาเข็มละ 1100 บาท มีส่วนต่างเข้าองค์การเภสัชกรรม 516 บาท เทียบภาษีนำเข้า 88 เปอร์เซ็นต์ เมื่อโรงพยาบาลเอกชนนำวัคซีนไปฉีดให้ประชาชนเข็มละ 1500 บาท ประชาชนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ในราคา 105 บาท ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์ จากส่วนต่าง 1500-1100 บาท เท่ากับ 400 บาท คิดเป็นมูลค่าคิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ 28 บาท

สรุปภาษีวัคซีนโมเดอร์นา นำเข้า 88 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 516 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มประชาชนจ่าย 105 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มโรงพยาบาลเอกชนจ่าย 28 บาท รวมภาษีทั้งหมด 649 บาท เทียบเท่าภาษี เท่ากับ 111.1 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้อาจารย์ลอยยังฝากคำแนะนำถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้หยุดทำเงินกับวัคซีน ผ่านองค์การเภสัชกรรม 516 บาท และกระทรวงการคลัง 133 บาท แล้วถ้ารับมา 584 บาท ก็ควรขายในราคาต้นทุน อย่าทำกำไรจากวัคซีน รวมทั้งควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวัคซีนโควิด-19 นอกจากนี้ควรช่วยค่าฉีดวัคซีนโรงพยาบาลเอกชนเข็มละ 100 บาท เพราะจะช่วยแบ่งเบาภาระการฉีดวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล ให้ดูตัวอย่างประเทศแคนาดา ที่รัฐยังช่วยค่าฉีดวัคซีนให้กับประชาชน สิ่งที่รัฐบาลไทยทำอยู่ตอนนี้กลับตรงกันข้ามทั้งหมด ราวกับว่าวัคซีนคือสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ พร้อมถ้าใครดีเบตในเรื่องนี้ตนก็ยินดี.