หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนา ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ซึ่งในหลายๆ พื้นที่ โดยเฉพาะคอนโดฯ และตึกอาคารสูงต่างรับรู้แรงสั่นสะเทือนหวั่นพังถล่มลงมา จนหลายๆ คนต้องวิ่งหนีออกจากอาคารและที่พัก จนเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อไปตามๆ กันนั้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายแพทย์เกรียงศักดิ์ เล็กเครือสุวรรณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านคลินิกระงับปวดและผ่าตัด ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อไหล่ ศูนย์ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์เฉพาะทาง โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) ได้ให้คำแนะนำถึงอาการปวดขา ปวดต้นขา…กล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลับ โดยคุณหมอได้ระบุว่า “หลายๆ คนอาจจะเริ่มมีอาการปวดขา ไม่ว่าจะเป็นต้นขาหรือบริเวณขาด้านล่าง หลังจากเกิดอุบัติเหตุแผ่นดินไหวแล้วเดินลงบันไดหนีไฟ หรือวิ่งออกจากสถานที่หรือตึกต่างๆ อาการเหล่านี้เรียกว่า “โรคกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน” ครับ” เป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้กล้ามขาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีการบาดเจ็บเล็กๆ หลายๆ จุดในมัดกล้ามเนื้อเดียวกันหรือต่างมัดกล้ามเนื้อกัน
แม้จะโรคนี้จะไม่ใช่อาการร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการเรื้อรังได้ หรือในบางคนที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงหรือกล้ามเนื้อตายได้ บทความนี้ หมอจะมาพูดถึงวิธีดูแลรักษากล้ามเนื้ออักเสบเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองครับ
วิธีการดูแลรักษากล้ามเนื้ออักเสบเบื้องต้น ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
1.พักการใช้งานกล้ามเนื้อ หลีกเลี่ยงการวิ่งหรือเดินเป็นระยะทางไกลๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่กระทบกระเทือนบริเวณที่อักเสบ หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีลักษณะวิ่งออกตัวอย่างรวดเร็วหรือต้องเบรกอย่างรวดเร็ว เช่น แบดมินตัน, เทนนิส, บาสเกตบอล, วิ่ง, ปั่นจักรยาน เป็นต้น
2.ประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก การใช้ถุงน้ำแข็งหรือเจลเย็นประคบในบริเวณที่อักเสบเป็นเวลา 15-20 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการปวดและบวมได้ อย่าประคบเย็นนานเกินไปหรือวางน้ำแข็งลงบนผิวโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเย็นกัดผิวหนังครับ
3.ประคบร้อนหลังจาก 48 ชั่วโมง เมื่ออาการบวมลดลง สามารถใช้การประคบร้อน เช่น ถุงประคบร้อนหรือแผ่นร้อน เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ และช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.ยืดเหยียดและออกกำลังกายเบาๆ หลังจากอาการปวดเริ่มบรรเทา ควรยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยนเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ตามปกติ การเคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น การเดิน หรือการทำโยคะเบา ๆ สามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้
5.ใช้ยาทา หรือยาบรรเทาปวด สามารถใช้ยาทา เช่น ยานวดที่มีส่วนผสมของตัวยาแก้อักเสบ หรือบาล์มเพื่อช่วยลดอาการปวดและตึงกล้ามเนื้อ หากปวดมาก สามารถใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
6.การนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังจากอาการอักเสบลดลง การนวดเบา ๆ อาจช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ และช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการนวดแรงเกินไป โดยเฉพาะในช่วงที่อาการยังรุนแรง ให้หลีกเลี่ยงการนวดโดยผู้ไม่ชำนาญการเพราะอาจจะทำให้กล้ามเนื้อมีการบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้นครับ
สัญญาณที่ควรพบแพทย์
แม้ว่ากล้ามเนื้ออักเสบส่วนใหญ่จะสามารถรักษาเองได้ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ครับ
1.อาการปวดรุนแรงขึ้นแม้จะได้พักและรักษาเบื้องต้น
2.มีอาการบวมมากผิดปกติหรือมีรอยช้ำที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
3.มีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย
4.ไม่สามารถขยับส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บได้ตามปกติ
5.กล้ามเนื้ออักเสบเป็นเวลานานเกิน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ดีขึ้น
“กล้ามเนื้ออักเสบเป็นภาวะที่สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเองโดยใช้หลักการ พัก ประคบเย็น-ร้อน ยืดเหยียด และใช้ยาเมื่อจำเป็น หากดูแลถูกต้อง อาการมักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วันถึงสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ หรือได้รับการรักษาจากนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมครับ” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย..