นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่ปรึกษาบริษัท อินเทลลิเจนท์ รีเสิร์ช คอนซัลแตนท์ (ไออาร์ซี) เปิดเผยกับ “เดลินิวส์” ถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในสหรัฐทุกประเภท 10% และเก็บภาษีเพิ่มเติมกับหลายประเทศ โดยไทยถูกเก็บเพิ่มถึง 36% ขณะที่จีน 34% เวียดนาม 46% เรียกได้ว่า เป็นตัวเลขที่ซูเปอร์ช็อก!! ทีเดียว เนื่องจากที่ผ่านมาคาดการณ์กันว่า สหรัฐจะขึ้นภาษีไม่น่าเกิน 10-15% ยิ่งส่งผลให้เกิดอานุภาพผลกระทบต่อการส่งออกไทยอย่างรุนแรง เดิมคาดว่า ถ้าขึ้นภาษี 10% จะกระทบต่อการส่งออกไทยประมาณ 200,000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้ 3 เท่าจากเดิมที่คาดการณ์ จึงคาดว่า จะกระทบมูลค่าการส่งออกไทย 700,000–1 ล้านล้านบาท
“มูลค่าที่หายไปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ผลกระทบจากนายทรัมป์ขึ้นภาษีเท่านั้น แต่ยังเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ สินค้าจากจีน ที่ได้รับผลกระทบจากสหรัฐขึ้นภาษี จะยิ่งทะลักเข้าไทยมากกว่าเดิมอีกเช่นกัน จากเดิมไทยขาดดุลการค้าจีนประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท คาดว่า ต่อไปจะยิ่งขาดดุลการค้าเป็น 1.6-1.7 ล้านล้านบาท ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีน่าเป็นห่วงมากที่สุด”
สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ ซึ่งจริงๆ น่าจะเริ่มทำมานานแล้ว เนื่องจากนายทรัมป์เริ่มส่งสัญญาณมาสักพักแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลเริ่มทำไปแล้วอย่างไรบ้าง
1.เจรจากับสหรัฐ เพื่อนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น
2.ดึงทุนสหรัฐเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม เซมิคอนดักเตอร์ ที่สหรัฐต้องการขยายการลงทุนอยู่แล้ว
3.ทำฉากทัศน์สินค้ารายประเทศ รายสินค้า โดยให้พิจารณาอย่างละเอียดว่า ถ้ามูลค่าส่งออกหายไป 30-40% ควรทำแผนพิจารณาว่า จะกระจายสินค้าไปชดเชยในตลาดไหนบ้างที่ไทยยังมีศักยภาพ เช่น เอเชีย ตะวันออกกลาง เพื่อกระจายตลาดชดเชยจากมูลค่าที่จะหายไปจากสหรัฐ