เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) เปิดเผยว่า ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางศึกษาดูงาน ณ นครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเสริมสร้างความรู้ และความเข้าใจถึงประโยชน์ของการขนส่งทางรถไฟในการเชื่อมโยงตามแนวเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์ – คุนหมิง ซึ่งนครฉงชิ่งถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของเส้นทางเชื่อมโยงทางการค้าและการขนส่งของจีนในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) โดยได้เข้าพบบริษัท New Land Sea Corridor Operation (NLS) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของจีน และประเทศพันธมิตร ภายใต้โครงการ China-Singapore (Chongqing) Demonstration Initiative ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเส้นทางคมนาคมและการค้าระหว่างประเทศ 

นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ศึกษาระเบียงทางบก-ทางทะเลใหม่แห่งฉงชิ่ง (Chongqing New Land Sea Corridor) ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งที่เชื่อมต่อจีนตะวันตกกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้การขนส่งแบบผสมผสานทั้งทางรถไฟ ทางทะเล และทางถนน เพื่อลดระยะเวลาและต้นทุนในการขนส่งสินค้า ตลอดจนเยี่ยมชมสถานีรถไฟ Tuanjiecun และลานตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของเส้นทางการขนส่งทางรถไฟจีน-ยุโรป ช่วยให้เข้าใจถึงระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าทางรางข้ามประเทศที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาใช้ และเยี่ยมชมศูนย์นิทรรศการการแสดงระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของนครฉงชิ่ง (Chongqing Inland International Logistics Hub Exhibition Center) ซึ่งเป็นศูนย์นิทรรศการที่จัดแสดงข้อมูลและเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศด้วย

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังนครฉงชิ่งผ่านเส้นทางรถไฟใช้เวลาประมาณ 4 วันถือว่ารวดเร็วกว่าการขนส่งทางเรือที่ต้องใช้เวลานานกว่า 2 สัปดาห์ การขนส่งทางรถไฟจึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง เช่น ผลไม้สด หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ในปี 2566 รถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) มีปริมาณการขนส่งสินค้ามากกว่า 430,000 TEU และปัจจุบันขบวนรถไฟจีน-ยุโรป ครอบคลุมมากถึง 110 เมืองในเอเชียและยุโรป สำหรับเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) เริ่มต้นจากสถานี Tuanjie Village Central Station ผ่าน Alashankou (Horgos) เขตปกครองตนเองซินเจียงคาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ ไปยังเยอรมนี รวมระยะทาง 10,987 กิโลเมตร(กม.) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 14-15 วัน

นายพิเชฐ กล่าวด้วยว่า ขร. จะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางของไทย และผลักดันนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางรางให้มีความทันสมัย สามารถเชื่อมโยงกับระบบขนส่งของประเทศเพื่อนบ้านและระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และเป็นประตูการค้าที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนต่อไป.