พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ได้ให้เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม อัญเชิญ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” จำลอง จากวัดสระเกศฯ มาประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะและสรงน้ำ เนื่องในวาระครบรอบ 200 ปีแห่งการอัญเชิญพระอัฏฐารสทางน้ำ จากวัดวิหารทอง เมืองพิษณุโลกมาประดิษฐานไว้ ณ พระวิหารพระอัฏฐารส วัดสระเกศฯ เมื่อปี 2368 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 การอัญเชิญพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์มาประดิษฐาน ณ เมืองสุขสยามในครั้งนี้ ถือเป็นวาระพิเศษที่เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมสักการะและสรงน้ำพระ เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ไทย ณ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 4 -17 เม.ย.

โดยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา วัดสระเกศฯ ร่วมกับ เมืองสุขสยาม จัดพิธีย้อนรำลึกเนื่องในวาระครบรอบ 200 ปีแห่งการอัญเชิญพระอัฏฐารสฯ ทางน้ำ พร้อมกับได้ประกอบพิธีบวงสรวง เพื่ออัญเชิญพระอัฏฐารสฯ ณ พระวิหารพระอัฏฐารส โดยมีพระพรหมสิทธิ เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยนายบัญชา ฉันทดิลก กรรมการผู้จัดการโครงการสุขสยาม และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธี หลังเสร็จสิ้นพิธี ได้อัญเชิญพระอัฏฐารสฯ ออกจากพระวิหาร ขึ้นประดิษฐานบนขบวนราชรถ พร้อมทั้งจัดตั้งขบวนรับอย่างยิ่งใหญ่ อาทิ ขบวนศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค, ขบวนกลองสะบัดชัย, ขบวนเต้นโต, ขบวนเทวดา, ขบวนนางสงกรานต์, ขบวนนางรำ, ขบวนกลองยาว

จากนั้น ได้มีการเคลื่อนขบวนแห่พระอัฏฐารสฯ วนรอบองค์พระเจดีย์บรมบรรพต ภูเขาทอง เป็นทักษิณาวรรต ก่อนเคลื่อนสู่ถนนหน้าวัดสระเกศฯ มุ่งสู่ท่าเรือวัดเทวราชกุญชร แล้วอัญเชิญพระอัฏฐารสฯ ประดิษฐานในเรือแห่พระทางน้ำสู่เมืองสุขสยาม เสมือนเมื่อครั้งอัญเชิญในสมัยปี 2368 เมื่อขบวนเรืออัญเชิญพระอัฏฐารสฯ เทียบท่าเรือไอคอนสยาม คณะสงฆ์วัดสระเกศฯ นำโดยพระราชกิจจาภรณ์ และคณะผู้บริหาร ได้อัญเชิญพระอัฏฐารสฯ แห่รอบเมืองสุขสยาม ก่อนนำขึ้นประดิษฐาน ณ มณฑลพิธี บริเวณประตูสุขสุวรรณศาลา เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำขอพร เสริมความเป็นสิริมงคลต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย ในงาน “สุขสยาม มหาสงกรานต์ มหาสนุก” ถึงวันที่ 17 เม.ย. ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม

สำหรับประวัติ “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” หรือ “หลวงพ่อพระอัฏฐารส” เป็นศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น คาดว่ามีอายุ 700 ปี เป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพฯ มีความสูงถึง 5 วา 1 ศอก 10 นิ้ว หรือประมาณ 9 เมตร หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ โดยไม่มีการเชื่อมต่อ นับว่าเป็นการหล่อพระพุทธรูปด้วยโลหะ ที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชนชาติไทย เดิมประดิษฐานอยู่วัดวิหารทอง เมืองพิษณุโลก วัดประจำพระราชวังจันทน์ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระวิหาร วัดสระเกศฯ เมื่อปี 2368

โดยธรรมเนียมการสร้างพระอัฏฐารสฯ พระพุทธรูปยืนไว้ประจำพระนคร ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ป้องกันความแตกแยกของคนในแผ่นดิน ให้คนในแผ่นดินเกิดความรักความสามัคคี และให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยืนนาน ประหนึ่งพระพุทธปฏิมากรประทับยืนสถิตสถาพรเป็นนิรันดร์ เมื่อครั้งมีการเคลื่อนย้ายพระอัฏฐารสฯ มายังกรุงเทพฯนั้น ได้อัญเชิญล่องแพมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากพระอัฏฐารสฯมีขนาดใหญ่ ทำให้มีน้ำหนักมาก จึงกดทับแพให้จมน้ำมองเห็นเฉพาะองค์พระพุทธปฏิมากร ผู้คนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาก็ลือปากต่อปากกันว่า พระลอยน้ำ ระหว่างการเดินทางจากเมืองพิษณุโลกสู่พระนครจึงมีประชาชนเฝ้ารอรับเป็นจำนวนมาก และช่วยกันชักพระขึ้นจากแม่น้ำ จนเป็นคำพูดติดปากว่ามีคนถึงสามแสนคนมามุงดูการชักพระขึ้นจากแม่น้ำ จึงเรียกย่านซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าน้ำนี้ว่า “ย่านสามแสน” ต่อมาจึงกลายเป็น “สามเสน” ในปัจจุบัน นอกจากนั้น คนโบราณกล่าวขานกันว่า ผู้มีลูกยาก ให้นำดอกบัว 18 ดอก มากราบสักการะขอพรจากพระอัฏฐารสฯ ณ พระวิหารวัดสระเกศฯ มักจะสำเร็จสมประสงค์ตามความปรารถนา