สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่ารายงานการทบทวนระบบไฟฟ้าโลกประจำปี 2568 จัดทำโดยเอ็มเบอร์ ซึ่งเป็นคลังสมองด้านพลังงานในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า พลังงานหมุนเวียนที่เติบโตเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้สูงแตะ 40.9% ของระบบไฟฟ้าทั่วโลก เมื่อปี 2567


สัดส่วนดังกล่าวถือเป็นปีแรกที่แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำครองสัดส่วนในระบบไฟฟ้าทั่วโลก มากกว่า 40% นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ระบบไฟฟ้าทั่วโลกมีขนาดเล็กกว่าปัจจุบันมากถึง 50 เท่า


พลังงานน้ำยังคงเป็นแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ที่สุด คิดเป็น 14.3% ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก เมื่อปี 2567 ตามด้วยพลังงานนิวเคลียร์อยู่ที่ 9.0% แม้พลังงานทั้งสองชนิดนี้จะยังคงเป็นแหล่งไฟฟ้าคาร์บอนต่ำขนาดใหญ่ที่สุด แต่สัดส่วนของพลังงานน้ำและนิวเคลียร์กลับไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมีสัดส่วนลดลงต่ำที่สุดในรอบ 45 ปี เมื่อปี 2567


สัดส่วนพลังงานลมอยู่ที่ 8.1% และพลังงานแสงอาทิตย์ 6.9% ของโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อรวมกันแล้ว การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมแซงหน้าผลผลิตพลังงานน้ำเป็นครั้งแรก พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานระดับโลก โดยทั้งกำลังการผลิตและการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์สร้างสถิติใหม่ เมื่อปี 2567


รายงานดังกล่าวบ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญระดับโลก 2 ประการ ที่จะมีบทบาทต่อระบบไฟฟ้าทั่วโลกในช่วงเวลาที่เหลือของทศวรรษนี้ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด และความต้องการไฟฟ้าซึ่งยังคงแข็งแกร่ง.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : AFP