สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ และมีการพบหารือกับ พล.ต.อ.โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ว่าเขาเห็นข่าวนั้นแล้ว “ไม่อยากโทษใคร เพราะเป็นการพบหารือกันที่ดีกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งกำลังปรึกษากันว่า จะหาทางเอาเปรียบสหรัฐอย่างไร”


ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า จีนและเวียดนามลงนามร่วมกันในข้อตกลง 45 ฉบับ ครอบคลุมการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟ และการลาดตระเวนร่วมทางทะเล เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งเรื่องทะเลจีนใต้


อนึ่ง การเยือนเวียดนามของผู้นำจีนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดอย่างหนักทางการค้า ระหว่างสหรัฐกับจีน โดยจีนเป็นประเทศเดียวบนโลก ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันบังคับใช้อัตราภาษีต่างตอบแทนในอัตราอย่างน้อย 145% และจีนขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐ ในอัตราอย่างน้อย 125%


ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำเข้าสินค้าจากจีนมากที่สุด โดยมูลค่าอยู่ที่ 161,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.42 ล้านล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว และเผชิญกับอัตราภาษีต่างตอบแทน 46% ของสหรัฐ ซึ่งอยู่ในช่วงระงับใช้ 90 วัน จนถึงวันที่ 9 ก.ค. นี้.

เครดิตภาพ : AFP