ก่อสร้างมา 8 ปีแล้ว สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) สายแรกของประเทศไทย นับจากวันที่ 21 ธ.ค. 2560 สมัยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานเริ่มงานก่อสร้างสัญญา 1-1 สถานีกลางดง-ปางอโศก 3.5 กม. ที่มอบหมายกรมทางหลวง (ทล.) ก่อสร้างคันทาง และเรียนรู้เทคโนโลยีก่อสร้างจากจีน ในครั้งนั้นประกาศแผนเปิดบริการปี 2565​

ชื่อเต็มๆ โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะทาง 610 กม. สำหรับระยะ (เฟส) 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 14 สัญญา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถึงวันนี้ได้ผลงาน 42.91% ล่าช้า 11.02%​ ก่อสร้างเสร็จ 2 สัญญา อยู่ระหว่างก่อสร้าง 10 สัญญา และรอลงนาม 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง 15.21 กม. ที่มีโครงสร้างทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว 13.30 กม. ยังติดประเด็นสถานีอยุธยา ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่มรดกโลก

​ทั้ง 10 สัญญาที่กำลังก่อสร้าง ล่าช้าทั้งหมด รวมถึงสัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ และจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 50,633 ล้านบาท ดำเนินการโดยฝ่ายจีน ประกอบด้วย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์แนชันนัล และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชัน ผลงาน 0.95% ล่าช้า 80.94%​ จากการประเมินร่วมกันระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ล่าสุดได้ปรับแผนการก่อสร้างเฟส 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดบริการปี 2572 จากแผนงานก่อนหน้านี้จะเปิดบริการปี 2571 ​

ส่วนโครงการเฟส 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย 357.12 กม. วงเงินก่อสร้าง 341,351 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบ 731 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง 6,466 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง 30,663.75 ล้านบาท ค่าระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 29,007.08 ล้านบาท ค่าจัดหาขบวนรถไฟ 17,874.35 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ 801 ล้านบาท เป็นต้น ​

ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2568 รฟท. กำลังจัดทำเอกสารประกวดราคาหาผู้รับจ้าง คาดว่าจะเปิดประมูลเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2568 เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ย. 2568 แล้วเสร็จ และเปิดบริการปี 2574​ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศแล้วว่า โครงการรถไฟไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2 ฝ่ายไทยจะควบคุมงานก่อสร้างเอง รวมถึงออกแบบ และตรวจแบบเองทั้งหมด พร้อมใช้วัสดุภายในประเทศเกือบ 100% ปฏิเสธข้อเสนอฝ่ายจีนที่ขอตรวจแบบวงเงิน 300 ล้านบาท โดยกำชับ รฟท. ให้ตรวจสอบโครงการทั้งระบบอย่างเข้มข้น นำปัญหาอุปสรรคและบทเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากโครงการเฟส 1 มาปรับใช้ในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเพิ่มเติม รวมทั้งเร่งรัดงานในเฟส 2 ​

โครงการเฟส 2 ไทยออกแบบงานโยธาเอง โดย รฟท. จ้างที่ปรึกษาออกแบบ 731 ล้านบาท และจ้างที่ปรึกษามาตรวจแบบและควบคุมงานโยธาด้วยวงเงิน 6,466-6,530 ล้านบาท เนื่องจาก รฟท. มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากรไม่เพียงพอ จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง แต่จะให้จีนมารับรองเรื่องการเดินรถ (Independent Certification Engineer : ICE) เพื่อความปลอดภัย เพราะไทยไม่เคยมีรถไฟความเร็วสูงมาก่อน​

ส่วนการใช้วัสดุในประเทศเกือบ 100% ยังมีวัสดุบางประเภทที่ไม่สามารถหาได้ภายในประเทศ ขณะที่งานระบบ การเดินรถ และจัดหาขบวนรถไฟวงเงินรวม 7 หมื่นกว่าล้านบาท ใช้รูปแบบร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) รฟท. เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการ จัดทำเอกสารประกวดราคา และการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. PPP วงเงิน 26.8 ล้านบาท เพื่อหาผู้รับจ้างเดินรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ตลอดเส้นทาง 610 กม. คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 6 เดือน เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. กระทรวงคมนาคม และ ครม. พิจารณาต่อไป​

แตกต่างจากเฟส 1 ที่ไทยจ้างฝ่ายจีน 3 ส่วนหลักคือ 1.การออกแบบในสัญญา 2.1 ออกแบบรายละเอียด 1,706 ล้านบาท 2.จ้างควบคุมการก่อสร้างงานโยธา 3,500 ล้านบาท 3.สัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ และจัดฝึกอบรมบุคลากร 50,633 ล้านบาท​ โครงการเฟส 2 ยังใช้มาตรฐานและสเปกเดียวกับเฟส 1 เพื่อความต่อเนื่องตลอดเส้นทาง

รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีน ตามยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative (BRI) โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของจีน ที่มีเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ​

แม้ครบ 8 ปี ผลงานก่อสร้างรถไฟไฮสปีดสายแรกในเฟสแรกยังไม่ถึงครึ่ง และจะใช้เวลากว่า 12 ปี ตามเป้าหมายใหม่ที่จะเปิดบริการปี 2572 แต่เหนือกว่าความล่าช้าคือความภูมิใจ…ไทยเราเจ๋งสร้างทางรถไฟความเร็วสูงได้เอง 100%

“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” 17 เม.ย. 2568

***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต