กรณี กระแสร้อนแรงในกลุ่มอนุรักษ์ หลังปรากฏข่าว ทราย สิรณัฐ สก๊อต หนุ่มนักอนุรักษ์ทางทะเล ทายาทสิงห์รุ่น 4 ตระกูลภิรมย์ภักดี ผู้ซึ่งกลายเป็นอดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากการที่เจ้าตัวเผยคลิปเหตุการณ์ปะทะคารมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมเหยียดผิว ผ่านไอจี psiscott ของตัวเอง โดยทราย ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบนเรือที่นักท่องเที่ยวลำหนึ่งเครื่องเสีย และชายชาวต่างชาติกล่าวคำว่า “หนีเห่า” ต่อหน้าเขาอย่างหยาบคาย เขาจึงตักเตือน แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่สำนึก จึงสั่งให้เรือกลับฝั่งเพื่อพูดคุยและอธิบายว่าการเหยียดคนไทยหรือชาวเอเชียเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตามผลจากการที่ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีเจ้าหน้าที่ไทย และเดินหน้าทำเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเล กลับไม่ได้รับการปกป้องจากกรมอุทยานฯ จึงเป็นที่มาของปมปัญหาดังกล่าว แม้ทาง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ จะออกมายืนยันว่ายังไม่ได้มีการปลด ทราย สิรณัฐ สก๊อต จากตำแหน่งก็ตาม
ทราย สก๊อต ทายาทสิงห์ ผู้กล้าสู้ทัวริสต์เหยียดคนไทย แลกหลุดตำแหน่ง จนท.อุทยานฯ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68 ใน เรื่องใหญ่รายวัน คลี่ปมประเด็นร้อน เจาะลึกประเด็นใหญ่ คนในข่าวใหญ่ในแต่ละวัน กับอ๊อฟ ชัยนนท์ ทางช่องวัน31 ได้มีการเชิญ ทราย สิรณัฐ สก๊อต หนุ่มนักอนุรักษ์ทางทะเล ไปออกรายการพร้อมเปิดใจในเรื่องราวดราม่าดังกล่าว โดยช่วงหนึ่งของรายการ ทราย สิรณัฐ สก๊อต หรือ ทราย สก๊อต เปิดใจว่า ที่ผ่านมาทรายขอบคุณทุกโอกาส ที่ อธิบดีฯ มอบให้ แต่สิ่งที่ทรายเห็น คนที่อยู่ในระบบมันไม่ทำหน้าที่ ถ้าอยากให้ผมเปลี่ยน ไม่ชอบวิธีอะไรที่ผมทำงาน ทั้งๆที่เราทำตามกฏที่กรมอุทยานฯออกเอง สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือ เมื่อไหร่ที่ผมทำคลิปตักเตือนนักท่องเที่ยว อุทยานฯจะคอยอยู่ข้างผม แต่ถ้าไปแตะบริษัทร์ หรือกลุ่มธุรกิจ หรือในพื้นที่ ผมจะได้รับการร้องเรียน เมื่อมีชาวบ้านมาร้องเรียนขับไล่ผม อุทยานฯจะไม่ปกป้อง แถมออกข่าวข่าวว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องไม่จริง เลยอยากตั้งคำถามว่า พอมันเกี่ยวกับธุรกิจในพื้นที่ อุทยานฯไม่ปกป้องเราเลย ปล่อยให้ผู้ชายอายุ 28 ปี คนนี้ ที่ทำงานให้ฟรีมา 3 ปี รับน้ำหนักทั้งหมดเลย

“อธิบดีฯ ก็ลงพื้นที่ที่ผมไปปะทะบริษัททัวร์ หลังเขาส่งหนังสือร้องเรียนมาให้ เขาก็ไปประกาศและลงข่างเอง เจอว่าหัวหน้าอุทยานฯที่นั่นทุจริต ผมไม่อยากพูดแต่ลองไปจินตนาการต่อได้ มีคนบอกว่าอยากให้ผมตาย ทั้งๆที่ผมไปแค่ตักเตือน เรื่องรักษาทรัพยากร ผมไปทำอะไรผิด” ทราย สก๊อต เปิดใจ
ทราย สก๊อต ระบุต่อว่า วันนี้ผมเลือกจะออกจากอุทยานฯ เพราะผมรู้ว่าคลิปที่ผมกำลังเผยแพร่ กรณีคนในพื้นที่โยนสมอใส่แนวปะการัง จะทำให้ผมกลับไปที่นั่นไม่ได้ ทั้งๆที่มันคืองานที่ผมรัก ผมไม่รักผมไม่ทำหรอก ไม่มีเหตุผลจะเอาชีวิตไปเสี่ยง มันคือสิ่งที่ผมแลกเปลี่ยนเพื่อพูดความจริง ครอบครัวผมสอนมาว่า เราต้องไปทำในสิ่งที่ถูก และผมต้องทำในสิ่งนั้น ไม่ว่าผมจะต้องเสียสละสิ่งที่ผมรักไปมากขนาดไหน ผมยืนยันขอแลกกับการยุติบทบาทที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับเงินเดือนจากการมาทำตรงนี้
แต่ถ้าอนาคตมีกระแสการเปลี่ยนแปลงทิศทางที่กรมอุทยานฯ กำลังดำเนินการในวิธีของเขา ผมก็อาจอยากกลับไปช่วยงาน เพราะทรายกับทะเลเราไม่แยกกัน แต่จนถึงขณะนี้มันไม่มีอะไรเหลือจะปกป้องแล้ว เพราะปะการังน้ำตื้นมันตายไปหมดแล้ว คนที่สังคมไว้ใจให้ปกป้องสิ่งพวกนี้ กลายเป็นคนที่ไม่ได้เข้มงวด และปล่อยให้เกิดขึ้น จะให้ผมไปยกน้ำหนักของมหาสมุทร เพื่อจะปกป้องคนอื่นมันไม่ได้ สิ่งพวกนี้สะสมมา ผมไม่สามารถมาปกป้องได้แล้ว

ทราย สก๊อต กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ว่า ในฐานะที่ผมเป็นนักว่ายน้ำ ผมรู้พื้นที่ดีกว่าหลายคน ผมใช้เวลา 10-11 ชั่วโมง ว่ายน้ำกับแนวปะการังพวกนี้ ผมรู้จักปลา รู้จักแนวปะการังทั้งหมด และเมื่อผมรู้ว่าปะการังมันตายไปแล้ว 80% มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ได้ มันเจ็บมาก ผมเลยเลือกยอมสละตำแหน่งตัวเอง ออกมาเป่านกหวีดเรื่องนี้ เพราะไม่งั้นในอนาคตข้างหน้าจะไม่เหลืออะไรเลย

สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากไว้สำหรับผู้ที่มีอำนาจ คือ อยากบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก 80% ปะการังน้ำตื้นที่ฟอกขาวตายไป มันไม่ใช่เรื่องตลก มันจะมีผลกระทบที่ชัดเจนมากๆ ซึ่งจะกระทบต่อสุขภาพทะเล ต่อปะการัง และต่อปลา หากยังไม่หาแนวทางมาป้องกันทรัพยากรทางธรรมชาติ.
ขอบคุณภาพและข้อมูล เรื่องใหญ่รายวัน