วันนี้ “เดลินิวส์” ได้นำบทความจากเพจ โรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล บอกถึงการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ว่า ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวัน นอกจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้สะอาดแล้ว น้ำยาบ้วนปาก ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้บริโภคนิยมใช้ โดยเชื่อว่าจะสามารถยับยั้งฟันผุ ยับยั้งคราบจุลินทรีย์ ดับกลิ่นปาก รักษาสุขภาพฟันและเหงือกได้ แต่ยังมีหลายคนที่ใช้น้ำยาบ้วนปากไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน จนเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพในภายหลังได้

Studio shot of surprised curly haired young woman looks away brushes teeth takes care of oral hygiene uses electric brush holds mouthwash poses against blue background blank space for your text

ห้ามใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการแปรงฟัน เพราะการใช้น้ำยาบ้วนปาก เป็นเพียงเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นให้กับช่องปากเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่คราบจุลินทรีย์ เศษอาหาร และอื่นๆ ยังคงอยู่ตามซอกเหงือกซอกฟัน รวมไปถึงกระพุ้งแก้ม ลิ้น และอื่น ๆ ดังนั้นควรใช้น้ำยาบ้วนปากเพิ่มเติมหลังจากแปรงฟันแล้วเท่านั้น

“น้ำยาบ้วนปาก” ไม่สามารถรักษาอาการต่าง ๆ ของโรคในช่องปากได้ หลายคนอาจใช้ในการอมไว้บริเวณเหงือก หรือจุดที่มีฟันผุ เพื่อหวังจะช่วยลดอาการเหงือกบวมอักเสบ หรือรักษาฟันผุได้ หากใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยเกินไป อาจเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียดีๆ ที่อาศัยอยู่ในปาก และอาจก่อให้เกิดเชื้อราภายในปากตามมาภายหลังได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ฟันเกิดคราบหินปูนได้ง่าย ตุ่มรับรสชาติจากลิ้นเพี้ยนไป และสีเคลือบผิวฟันเปลี่ยนอีกด้วย

Young woman pouring mouth wash

“น้ำยาบ้วนปาก” ที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้ช่องปากระคายเคือง คนที่มีความรู้สึกไวต่อแอลกอฮอล์ หรือแพ้แอลกอฮอล์ อาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ดังนั้นคนที่แพ้ง่ายหรือเซนซิทีฟต่อแอลกอฮอล์ ควรหยุดใช้ หรือเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมแทน

“น้ำยาบ้วนปาก” ช่วยให้ช่องปากของเราหอมสดชื่น แต่ไม่ได้ช่วยรักษาโรค และอาการผิดปกติต่างๆ ในช่องปากแต่อย่างใด หากมีอาการเหงือกบวมอักเสบ ฟันผุ มีแผลในช่องปาก เหงือกร่น หรือปัญหาอื่นๆ ควรไปพบทันตแพทย์ และควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก ๆ 6 เดือน