เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และนายอุปถัมภ์ นิสิตสุขเจริญ กรรมการบริหารบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และกิจการร่วมค้า RMA110 แถลงข่าวประเด็นการจัดทำนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2025 Osaka, Kansai ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
นพ.โอภาส กล่าวว่า งาน World Expo จัดขึ้นทุก 5 ปี ตามวาระการจัดงาน ครั้งล่าสุด ครม. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการภายใต้งบประมาณ 900 ล้านบาท โดยยืนยันว่าเป็นไปตามระเบียบราชการของประเทศไทย และต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น และเมืองโอซาก้า ซึ่งเข้มงวดมาก อีกทั้งยังเตรียมงานในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 จึงมีความยุ่งยากซับซ้อน แต่ก็ดำเนินการต่างๆ ไปด้วยดี ในส่วนของเนื้อหาการจัดงานที่มีการระบุว่า ดีไซน์เอกชน คอนเทนต์ราชการนั้น ขอชี้แจงงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เรามีโจทย์ว่าคนทั้งโลกต้องได้เห็น ได้ดูศักยภาพโดยเฉพาะเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพ มีเป้าหมายจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เช่น นวดไทย ทั้งนี้มีผู้ร่วมงานวันละกว่า 1 หมื่นคน ดังนั้นการประเมินในแง่ปริมาณคือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเชิงคุณภาพทางทีมมีการประเมินเป็นระยะ ดังนั้นทุกอย่างที่เราพูดมามีหลักฐานเชิงประจักษ์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ข้อท้วงติ่งก็คือสิ่งสำคัญ กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งจะมีการจัดงานอีกหลายเดือนก็จะนำเอาข้อติติง เอาผู้รู้ ผู้มีบทบาท influencer ทั้งหลาย มาช่วยกันทำงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ของประเทศ

“เรามีทั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม และนามธรรมคือ Soft Power ซึ่งจะเป็นผลในระยะยาว อย่างนวดไทยที่ต้องการให้คนทั่วโลกรู้จักก็เป็นนามธรรมอย่างหนึ่ง ส่วนผลรูปประธรรมงานนี้จะมีภาคเอกชน ทางด้านสุขภาพทางด้านเวลเนสมาร่วมเยอะ คำว่า Business matching ก็เป็นโจทย์สำคัญของเรา ซึ่งเราคาดหวังจากตรงนี้ประมาณหมื่นล้านบาท ซึ่งตรงนี้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเขามาร่วมมืออย่างดี” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.กรกฤช กล่าวถึงประเด็นข้อสงสัยเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ว่า ไทม์ไลน์ตั้งแต่ ครม. อนุมัติงบประมาณ 867,881,611 บาท เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 จากนั้น 27 เม.ย. 2566 มีการกำหนดราคากลางครั้งแรกที่ 867,880,000 บาท โดยใช้วิธีการคัดเลือกแต่ครั้งแรกเอกสารไม่ครบถ้วนทั้ง 3 บริษัทที่เข้ามา โดยเอกสารที่ขาดคือ การแสดงผลงานในส่วนนานาชาติ จึงยกเลิกการจ้างครั้งที่ 1 เพราะไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2566 หลังจากนั้นวันที่ 18 พ.ค. 2566 กำหนดราคากลางใหม่ วงเงินเท่าเดิม ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. 2566 มีบริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด (RMA110) จดทะเบียนตั้งบริษัท และกรมฯ ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา (วิธีการคัดเลือกครั้งที่ 2) คือ บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ด้วยวงเงิน 862 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 แต่ขณะนั้นมีการร้องเรียนจากบริษัทที่ไม่ได้รับการคัดเลือก และมีการยื่นอุทธรณ์ แต่ทางกรมบัญชีกลางได้ตอบข้อวินิจฉัยว่า กรมสนับสนุนฯ สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้
“แต่ด้วยกระบวนการตอบข้อวินิจฉัยเกินราคาเกิน 90 วัน การลงนามทำสัญญาจึงไม่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องประกาศครั้งที่ 3 แต่ด้วยเวลากระชั้นชิดแล้ว เพราะทางญี่ปุ่นเร่งรัดให้ดำเนินการและต้องแล้วเสร็จ เพราะไทม์ไลน์ก่อสร้างถึงวันที่ 13 เม.ย. เท่านั้น คือวันเปิดงาน จึงต้องใช้วิธีการเฉพาะเจาะจง เพราะเวลากระชั้นชิด จึงมีกระบวนการสืบราคา โดยส่งจดหมายไปยังผู้ที่เคยมายื่นกับเรา 3 บริษัท แต่คนที่ยื่นกลับมามีเพียงบริษัทเดียว” นายกรกฤช กล่าวและว่า ตามระเบียบสามารถทำได้ตามระเบียบพัสดุ และจำเป็นต้องใช้ราคาของบริษัทนั้นด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง คือวงเงิน 867,800,000บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่ถึง 1% และจากนั้นก็ประกาศให้ทางบริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด เป็นผู้ผ่านการคัดเลือก และขอยืนยันว่า ทางกรมสนับสนุนฯ ไม่ได้รับธุรกรรมใดๆ จากบริษัท กิจการร่วมค้า แม้แต่เรื่องเดียว

ทั้งนี้ การโชว์ต่างๆ จะมีการปรับเปลี่ยนทุกเดือน แต่จากข้อท้วงติงต่างๆ ทั้งทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเรามองว่าเป็นความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์ทั้งสิ้น นำมาพัฒนาการจัดงานให้ดีขึ้น โดยตั้งทีม Thailand ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง ททท. กรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนภาคเอกชนจะมีการเชิญเหล่านักคิด ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศเข้ามาให้ความคิดเห็น แล้วเราในฐานะผู้ดำเนินการหลักก็พร้อมที่จะปรับ ให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย
ส่วนที่ สส.พรรคประชาชน ออกมาพูดข้อมูลว่าโครงการนี้อาจจะมีเรื่องของเงินทอน ระหว่างบริษัทเอกชนกับทางกรมหรือไม่ นพ.กรกฤช กล่าวว่าทางกรมขอยืนยัน เอกสารทุกอย่างเราดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัดและสามารถตรวจสอบได้ ถ้าช่องทางหลักๆเลยก็คือเว็บไซต์ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งนี้ การจัดงานสามารถทำเสร็จตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. วันที่ 9 เม.ย. สามารถให้สื่อของญี่ปุ่นเข้าชมได้ แต่สุดท้ายไม่ได้เข้า เนื่องจากติดเอกสารการรับรองของญี่ปุ่น ซึ่งมาตรวจแล้ว แต่จะออกให้ในวันที่ 10 เม.ย. ไม่สามารถออกให้ก่อนได้ ดังนั้นนี่คือการทำงานที่ตรงไปตรงมามีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ของประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นในภาพรวมของงานทั้งหมด เสร็จทันวันที่ 13 เม.ย. วันแรกที่เปิดให้เข้าชม มีผู้ร่วมงานประมาณ 8 พันคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลถึงเมื่อวันที่ 20 เม.ย. เข้าชมงานแล้วกว่า 5 หมื่นคน ดังนั้นถือว่าพึงพอใจ เป้าหมายถือทำให้ทั่วโลกเห็นศักยภาพของไทยในมุมที่เราอยากให้เห็นคือเรื่องการแพทย์ เวลเนส เป็นต้น ส่วนเรื่องคุณภาพนั้น จะมีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตประเมิน ก่อนจัดงาน ระหว่างจัดงาน และหลังจัดงาน ซึ่งต้องใช้เวลา
“ในส่วนของเงินทอนนั้น ผมในฐานะเป็นผู้บริหารกรม เป็นรองอธิบดีขอยืนยันตรงนี้ ว่าทางกรมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างใดๆ ในเรื่องของเงินทอน ผมยืนยันทุกวันนี้ แม้กระทั่งการเดินทางยังไม่ให้เขามารับจากสนามบินเราไปเอง นั่งรถไฟไป และก็มีหลักฐานว่าผมนั่งรถไฟจากสถานีคันไซมาที่บ้านพักด้วยตัวเอง ไม่มีการรับส่งใดๆ” รองอธิบดี สบส. กล่าว
ด้าน นายอุปถัมป์ กล่าวว่า มีข้อสงสัยว่า บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด เพิ่งเปิด แต่พอได้งานกลับปิด ไม่มีผลงานนั้น ขอชี้แจงว่า งานนี้เป็นงานต่างประเทศ ต้องใช้ผลงานประสบการณ์ที่เคยทำมา ซึ่งบริษัท ไร้ทแมน มีผลงานในต่างประเทศ ที่มิลาน ประเทศอิตาลี 2015 จึงมีการร่วมกันทำกับบริษัท สถาปนิก 110 จึงร่วมกันทำในรูปแบบ “บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด” และกิจการร่วมค้าฯ ยื่นงานนี้ได้ เพราะใช้บริษัทไร้ทแมน ในการนำเสนอราคา และใช้ผลงานอ้างอิงโดยบริษัทไร้ทแมน และที่เราไม่ยื่นเอง แต่ผู้เดียว เพราะเนื้องานในโอซาก้า ประกอบด้วยการสร้างอาคารสถาปัตยกรรมในตปท.และญี่ปุ่น และการนำเสนอเรื่องนิทรรศการ ซึ่งบริษัท ไร้ท์แมน เป็นอีเวนต์ออแกไนเซอร์ ทำงานด้านนี้มานานปีนี้เป็นปีที่ 35 จึงต้องการความเชี่ยวชาญมากขึ้นจึงต้องรวมบริษัท สถาปนิกฯ มายื่นงานนี้

นายอุปถัมป์ กล่าวอีกว่า หากดูไทม์ไลน์การประมูลครั้งที่ 1 วันที่ 22 เม.ย. 2566 ที่มีจดหมายเชิญ และในวันที่ 16 ก.พ. 2567 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยื่นงานทั้ง 3 ครั้ง ส่วนที่ว่าจดทำไม และต้องใช้ชื่อเดียวกัน ก็ต้องเรียนว่า การทำงานทางประเทศต้องใช้นิติบุคคล และการจัดนิทรรศการในต่างประเทศ บางส่วนเอากลับมาได้ต้องเอากลับมา แต่จะทำได้จะมีระเบียบของกรมศุลกากร ซึ่งกิจการร่วมค้าไม่สามารถทำได้ เป็นเรื่องการบริหารภายใน ด้วยข้อจำกัดของกิจการร่วมค้าจะทำลักษณะข้างต้นไม่ได้ ต้องทำในรูปบริษัท เราจึงจัดตั้งขึ้น แต่ทางบัญชีให้คำปรึกษาว่า จะซ้ำซ้อนหลายขั้นตอน มีเรื่องภาษี จึงให้ใช้บริษัทใดบริษัทหนึ่งดำเนินการแทน ทำให้เรายกเลิกบริษัท กิจการร่วมค้าฯ ดังกล่าว
“สรุปคือ บริษัทกิจการร่วมค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัญญาครั้งนี้ และ บริษัท กิจการร่วมค้า RMA110 ถูกตั้งขึ้นมาไม่มีนิติกรรม ไม่มีการเซ็นสัญญากับใคร หรือกับทางราชการ ดังนั้น หากเปิดไว้ไม่ได้ใช้ก็ควรจะปิด ดังนั้น ในสัญญาการจ้างงาน ระหว่างกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กับกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ซึ่งมีสัญญากิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และบริษัท สถาปนิกหนึ่งร้อยสิบ จำกัด แต่ไม่เกี่ยวกับบริษัท กิจการร่วมค้าแต่อย่างใด” นายอุปภัมป์ กล่าว
ถามว่าบริษัทจำกัดตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร นายอุปถัมภ์ กล่าวว่า ในส่วนของกิจการร่วมค้านั้น มีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการทำสัญญากิจการร่วมค้า จัดกิจการร่วมค้ากันเพื่อใช้สำหรับการประมูลงาน การจัดแสดงนิทรรศการที่โอซาก้า ทุกครั้งที่มีการยื่นงานหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ใช้กิจการร่วมค้า สำหรับบริษัทจำกัดนั้นเป็นนิติบุคคล ซึ่งจดที่กระทรวงพาณิชย์ แรกเริ่มตอนคิดว่าจะได้งานนี้ ก็ไปศึกษาเรื่องของการส่งของโดยติดต่อบริษัทญี่ปุ่น พบว่าการส่งของนั้นหากเป็นไปในรูปแบบบริษัทก็จะดี แค่นั้นเอง แต่บริษัทนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสัญญาครั้งนี้เลย บริษัทถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ผู้บริหาร ซึ่งเป็นกิจการภายในเหมือนที่อธิบายข้างต้น
เมื่อถามว่า ทำไมต้องตั้งชื่อเหมือนกัน นายอุปถัมป์ กล่าวว่า เบื้องหลังจริงๆ ตนกับคุณอาร์ม นายชยาวุฒิ เป็นเพื่อนสนิทกัน เรียนสถาปัตย์จุฬาฯ เมื่อออกมาทำงานนี้ เลยจดบริษัทด้วยกันเผื่อทำงานอื่นด้วย เพราะการทำงานในรูปแบบบริษัทในต่างประเทศจะง่ายกว่า กิจการร่วมค้าเท่านั้นเอง เลยคิดว่าอันนี้น่าจะช่วยได้ แต่มาตอนหลังทางบัญชีบอกว่าไม่มีประโยชน์ กลับเป็นภาระมากกว่าไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ทางกฎหมายหลายขั้นตอน.