เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชัน เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและมอบนโยบาย “ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” ภายใต้โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนราชการ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เข้าร่วมด้วย

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการจัดบอร์ดและเปิดวีดิทัศน์ การพัฒนาต่อยอดแนวคิดโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ที่ริเริ่มในยุคของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2547 และสานต่อโครงการโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี 2555 ปัจจุบันเดินหน้าต่อในปี 2568 รัฐบาล น.ส.แพทองธาร นอกจากนี้ ยังมีการนำสแตนดี้รูป นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ น.ส.แพทองธาร มาตั้งภายในงาน ก่อนเวลาต่อมา ได้มีการเก็บสแตนดี้นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เหลือเพียงสแตนดี้ น.ส.แพทองธาร 

จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันสำคัญที่เราได้มาร่วมกันยืนยันว่า ประเทศไทยของเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เพราะถ้าชุมชนของเราเข้มแข็งทั้งประเทศ เราก็จะเข้มแข็งไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐบาลตั้งใจที่จะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ดิฉันพูดทุกเวทีอยู่เสมอว่า การที่เราจะให้โอกาสประชาชน เราจะให้โอกาสอย่างไรในเมื่อประเทศไทยเรามีหลายจังหวัด หลายชุมชนและหลายหมู่บ้าน ซึ่งประชาชนจะรู้ปัญหาของตัวเองดี โดยรัฐบาลเป็นเพียงผู้สนับสนุน หากประชาชนให้ชุมชนร่วมกันในการตัดสินใจทำประชาคมว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในชุมชนของตัวเอง คือการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนให้ทุกชุมชนเข้มแข็งขึ้นและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน กองทุนหมู่บ้านเริ่มต้นในปี 2547 นำโดยรัฐบาลรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 24 เราได้เห็นบทบาทของกองทุนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างโอกาส สร้างอาชีพเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนและแก้ปัญหาให้กับประชาชน ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้านละ 79,610 แห่ง มีสมาชิกกว่า 13 ล้านคน และมีเงินทุนหมุนเวียน 3 แสนล้านบาท 

นายกฯ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ไม่ใช่แค่การที่เราจะต้องจ่ายตังค์ไปให้ชุมชน แต่เรามองเห็นว่าโครงการเล็กๆ ที่มีผลต่อประชาชนนั้นสำคัญจริงๆ เราเริ่มจากการที่ดูจำนวนของประชาชนก่อน เพื่อจะดูงบประมาณในการช่วยเหลือ จาก 2 แสนบาท 3 แสนบาท และ 4 แสนบาท บอกกันไว้แบบเปรยๆ เลยว่า ถ้าแต่ละชุมชนสามารถทำตรงนี้ได้ ตอบโจทย์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ทำดีมีเพิ่มแน่นอน อันนี้มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่พูดมาเฉยๆ เพื่อหวังว่ามีโอกาสที่จะให้ชุมชนเล็กๆ ช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจในจุดเล็กๆ เพิ่มเป็นจุดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงระดับประเทศ

“ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกชุมชนจะสามารถหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชุมชนของตัวเองได้อย่างดีและมั่นคงต่อไป รัฐบาลพร้อมส่งต่อโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ที่ทำให้ชุมชนแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะสนับสนุนสิ่งที่ดีให้กับประชาชนทุกคน เพื่อที่จะให้ประชาชนมีฐานะมีความกินดี อยู่ดี มีอาชีพ สามารถดูแลครอบครัวของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นต่อไปอย่างมั่นคง” นายกฯ กล่าว.