สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า เนื้อหาตอนหนึ่ง จากคำฟ้องร้องของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐแมสซาชูเซตส์ ระบุว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับความพยายามของรัฐบาลที่จะใช้มาตรการกดดัน “เพื่อควบคุมการตัดสินใจทางวิชาการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด”

“การกระทำของรัฐบาลไม่เพียงขัดต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 1 เท่านั้น แต่ยังขัดต่อกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของรัฐบาลกลางด้วย” คำฟ้องระบุ และย้ำว่าทรัมป์ “เป็นผู้นำซึ่งไร้เหตุผลและเอาแต่ใจ”

คำฟ้องของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียกร้องให้ศาลประกาศให้การอายัดเงินทุน และการกำหนดเงื่อนไขของรัฐบาลกลาง “เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย” รวมถึงขอให้รัฐบาลทรัมป์ คืนเงินอุดหนุนที่ระงับไปทั้งหมด กลับให้แก่มหาวิทยาลัยตามเดิม

หลังทรัมป์และทำเนียบขาว ออกมาแสดงท่าทีถึงการตอบโต้ต่อกระแส “ต่อต้านชาวยิว” ในมหาวิทยาลัยว่า “ไม่อาจควบคุมได้” และทำให้ภาครัฐมีความจำเป็นต้องยกเลิกโครงการความหลากหลาย ซึ่งมีขึ้นเพื่อยุติการกดขี่ชนกลุ่มน้อยในอดีต

มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐ รวมถึงฮาร์วาร์ด ได้ปราบปรามการประท้วงดังกล่าว ซึ่งสถาบันระดับโลกแห่งนี้ สั่งพักการเรียนนักศึกษาอย่างน้อย 23 คน และปฏิเสธการมอบวุฒิการศึกษาแก่นักศึกษาอีกอย่างน้อย 12 คน ฐานเกี่ยวข้องโดยตรงกับการประท้วง

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยืนยันว่า “ไม่ยอมรับการต่อต้านชาวยิว” รวมถึงการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ และกำลังดำเนินการปฏิรูปโครงสร้าง เพื่อขจัดการต่อต้านชาวยิวอย่างจริงจังภายในสถาบัน

“รัฐบาลประกาศระงับการให้เงินทุนสำหรับการวิจัยทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านชาวยิว แทนการร่วมมือกับมหาวิทยาลัย” ฮาร์วาร์ดระบุทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP